ภาพยนตร์ฟีลกู๊ดของฝีมือผู้กำกับ สต๊วร์จ บลัมเบิร์ก ที่ผันตัวเองจากนักแสดงมานั่งเก้าอี้ผู้กำกับให้กับหนังเรื่องแรกของตน นอกจากนั่นบลัมเบิร์กยังรับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์เองร่วมกันกับ แมตต์ วิลสตัน อีกด้วย ซึ่งทั้งสองคนก็เคยแสดงหนังร่วมกันในเรื่อง Fight Club และถึงแม้จะเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกแต่ สต๊วร์จ บลัมเบิร์ก ก็สามารถดึงนักแสดงชั้นนำมาร่วมสร้างสรรค์ในผลงานของเขาได้ ไม่ว่าจะเป็น ทิม ร็อบบินส์ (เจ้าของรางวัลออสการ์ปี 2004), มาร์ค รัฟฟาโร่ (จากบท Hulk ใน The Avengers), กวินเน็ธ พัลโทรว์ (เป็ปเปอร์ พอตส์ จาก Ironman) รวมไปถึงนักร้องสาวสุดเปรี้ยวอย่าง P!NK

โดยในเรื่อง Thanks For Sharing จะแบ่งเรื่องราวหลัก ๆ ออกเป็น 3 เรื่องซึ่งแต่ละเรื่องก็เชื่อมโยงถึงกันด้วยตัวละครและเล่าสลับกันไปมา เรื่องแรกนั่นจะเป็นเรื่องของ อดัม (มาร์ค รัฟฟาโร่) ที่แต่ก่อนเสพติดเซ็กส์แต่สุดท้ายก็เข้ากลุ่มบำบัดซึ่งสามารถเลิกและไม่แตะต้องสาว ๆ เลยเป็นเวลา 5 ปีเต็ม จนวันหนึ่งเขาเริ่มสานสัมพันธ์กับ เคธี่ (กวินเน็ธ พัลโทรล์) ซึ่งพวกเขาก็กังวลว่าอาการเสพติดเซ็กส์ของอดัมนั่นจะมาเป็นอุปสรรคในความรักครั้งนี้หรือไม่

เรื่องที่สองเป็นเรื่องดราม่าของครอบครัวเมื่อ แดนนี่ ลูกชายของ ไมค์ (ทิม ร็อบบินส์) ผู้อาวุโสสุดเก๋าในสถาบันบำบัดกลับบ้านครั้งแรกในรอบหลายเดือน ซึ่งแดนนี่เคยเป็นเด็กขี้ยาและขี้ขโมยมาก่อน แต่สุดท้ายก็สามารถเลิกได้ด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามไมค์ก็ยังคงไม่ไหวใจลูกชายคนนี้ผิดกับภรรยาของเขาที่ดีใจที่สุดท้ายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลับมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้า

เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของ นีล หนุ่มจ่ำม่ำที่ประกอบอาชีพเป็นหมอตามที่เขาใฝ่ฝัน ที่ต้องมาเข้ากลุ่มบำบัดผู้เสพติดการมีเซ็กส์เนื่องด้วยคำสั่งศาลเพราะเขาไปทำลวนลามบนรถไฟ แถมยังโดนไล่ออกเพราะดันไปถ่ายใต้กระโปรงหัวหน้างานซึ่งคนที่คอยเป็นกำลังใจนีลเลิกอาการนี้ก็คือ ดีดี้ (P!NK) หญิงสาวอีกคนที่มารักษาอาการเสพติดเซ็กส์ในกลุ่มบำบัด

และเมื่อฟังดูเนื้อหาแล้วหลาย ๆ คนคงคิดว่า Thanks For Sharing จะมีเนื้อหาจัดหนักเรื่องเซ็กส์ชนิดมีทุกช่วงทุกตอน แต่พอเอาเข้าจริงแล้วเนื้อหาภาพยนตร์จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ 3 ประเภทนั่นคือ คนรัก ครอบครัว และ เพื่อน โดยมีการเสพติดเซ็กส์และกลุ่มบำบัดเชื่อมโยงความสัมพันธ์แต่ละอย่าง ด้านการดำเนินเรื่องจะออกแนวเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ไม่ได้หวือหวาอะไรมากมายซึ่งจุดนี้อาจมองเป็นข้อดีก็ได้เพราะมันทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูสมจริงและเชื่อไปกับการแสดงของแต่ละคน นอกจากนี้ Thanks For Sharing ยังมีข้อดีตรงที่บทพูดของแต่ละตัวละครที่ประดุจดังคำคมในหน้าเฟสบุ๊คที่จะให้กำลังใจคนดูได้อย่างดี