Home > SEO > iphone ไอโฟน เป็นมือถือสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและมัลติมีเดีย

iphone ไอโฟน เป็นมือถือสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและมัลติมีเดีย

โพสเมื่อ วันที่ 3 November 2017 | เปิดอ่าน 1,332 views | หมวดหมู่ : SEO

ไอโฟน (อังกฤษ: iPhone) เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและมัลติมีเดีย ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล โดยการทำงานของไอโฟนสามารถใช้งานส่งอีเมล ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง และความสามารถอื่น โดยมีอุปกรณ์หลักประกอบด้วย Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2.0-megapixel ไอโฟนรุ่นแรกมีลักษณะ 2.5G quad band GSM และ EDGE และรุ่นที่สองใช้ UMTS และ HSDPA

แอปเปิลได้เปิดเผยไอโฟนรุ่นแรกโดย สตีฟ จอบส์ ในงานแม็คเวิลด์ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ไอโฟนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปีจากนิตยสารไทม์ ประจำปี 2550[2] โดยมีรุ่นถัดมาคือ ไอโฟน 3G ไอโฟน 3GS ไอโฟน 4 ไอโฟน 4S ไอโฟน 5 ไอโฟน 5C ไอโฟน 5S ไอโฟน 6 ไอโฟน 6พลัส ไอโฟน 6S ไอโฟน 6Sพลัส และ ไอโฟนSE โดยApple.Inc ได้เปิดตัวไอโฟนSE ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559 ที่กลับไปใช้ขนาดหน้าจอเดียวกับไอโฟน 5S เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งไม่ชอบขนาดหน้าจอของไอโฟน 6, 6S, 6พลัสและ 6Sพลัส ซึ่งมีขนาดใหญ่เกินไป โดยไอโฟน SE มีสเปคเครื่องที่ดีกว่า iPhone 5S เช่น ในเรื่องของความเร็ว ที่เร็วกว่าสองถึงสามเท่า รวมทั้งปรับส่วนต่าง ๆ ให้เกือบเทียบเท่าไอโฟน 6S ไอโฟนรุ่นล่าสุดคือไอโฟน7 และไอโฟน7 พลัส

ไอโฟน (อังกฤษ: iPhone) เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและมัลติมีเดีย ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล โดยการทำงานของไอโฟนสามารถใช้งานส่งอีเมล ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง และความสามารถอื่น โดยมีอุปกรณ์หลักประกอบด้วย Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2.0-megapixel ไอโฟนรุ่นแรกมีลักษณะ 2.5G quad band GSM และ EDGE และรุ่นที่สองใช้ UMTS และ HSDPA
แอปเปิลได้เปิดเผยไอโฟนรุ่นแรกโดย สตีฟ จอบส์ ในงานแม็คเวิลด์ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ไอโฟนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปีจากนิตยสารไทม์ ประจำปี 2550 โดยมีรุ่นถัดมาคือ ไอโฟน 3G และ ไอโฟน 3GS และไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในปัจจุบันคือ iPhone 4S ซึ่งมีเป็นรุ่นที่สมบูรณ์ที่สุดในขณะนี้
การทำงานของไอโฟน     การทำงานของโทรศัพท์ไอโฟนนี้จะแตกต่างจากโทรศัพท์มือถืออื่น โดยไอโฟนจะไม่มีปุ่มสำหรับกดหมายเลขโทรศัพท์ โดยการทำงานทั้งหมดจะทำงานผ่านหน้าจอโดยการสัมผัสมัลติทัชผ่านคำสั่งต่างๆ โดยมีระบบปฏิบัติการหลัก iOS และมีระบบเซ็นเซอร์ในการรับรู้สภาพของเครื่องเพื่อกำหนดการแสดงผลของจอภาพ เช่นหากวางเครื่องในแนวตั้งระบบก็จะปรับให้แสดงผลในแนวตั้ง หากวางในแนวนอนระบบก็จะแสดงผลในแนวนอน
รุ่น     – ไอโฟน 2จี (iPhone 2G)     – ไอโฟน 3จี (iPhone 3G)     – ไอโฟน 3จีเอส (iPhone 3GS)     – ไอโฟน 4 (iPhone 4)     – ไอโฟน 4เอส (iPhone 4S)     – ไอโฟน 5 (iPhone 5)จะเปิดตัวประมาณวันที่ 12 กันยายน      การวางจำหน่าย      ไอโฟนเริ่มมีวางจำหน่ายครั้งแรกเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 โดยร่วมมือกับเครือข่ายเอทีแอนด์ทีไวร์เลสส์ (ในขณะนั้นในชื่อ ซิงกิวลาร์ไวร์เลสส์) โดยก่อนวันจำหน่ายร้านแอปเปิลได้ปิดร้านในช่วง 14 นาฬิกาเพื่อเตรียมตัวขายไอโฟนในเวลา 18 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีผู้ใช้รอคิวเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก โดยทางแอปเปิลขายไอโฟนได้ 270,000 เครื่อง ในช่วง 30 ชั่วโมงแรกที่เปิดจำหน่าย โดยในปัจจุบันไอโฟนรุ่นแรกมีวางจำหน่ายในหกประเทศได้แก่ ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสหรัฐอเมริกา
โดยในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ไอโฟนรุ่นใหม่ หรือที่รู้จักในชื่อ ไอโฟน 3G จะมีการวางจำหน่ายใน 22 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 6 ประเทศที่มีวางจำหน่ายแล้ว และหลังจากนั้นจะมีวางจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกใน 48 ประเทศทั่วโลก รวมเป็นทั้งหมด 70 ประเทศ โดยในอาเชียนจะมีประเทศสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ที่มีการจำหน่ายไอโฟนอย่างเป็นทางการ โดยในสหรัฐอเมริกานั้น ผู้ซื้อไอโฟนรุ่นใหม่จำเป็นต้องจดสัญญากับเอทีแอนด์ทีเป็นระยะเวลาสองปี
ประเทศไทยเริ่มมีการวางจำหน่ายไอโฟน 3G ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552 โดยทรูมูฟ เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจำหน่ายเป็นรายแรกในประเทศไทย และมีงานเปิดตัวระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม พ.ศ. 2552 ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน และดีแทคเป็นรายที่สองที่ได้สิทธิ์การจัดจำหน่าย โดยมีการเปิดตัวพร้อมจำหน่ายเครื่องวันแรก เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553 ณ ลานพาร์กพารากอน สยามพารากอนและในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 0.00 น. ไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในประเทศไทย โดยทรูมูฟ, ดีแทค และ AIS เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจำหน่ายในประเทศไทย

ไอโฟน (iPhone) เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้เชื่อว่าหลายคนทั้งนอกและในวงการเทคโนโลยีต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะไอโฟนเป็นโทรศัพท์มือถือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพลิกโฉมวงการมือถือและได้กลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปีจากนิตยสารไทม์ โดยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของไอโฟนเป็นโทรศัพท์มือถือแบบไร้ปุ่มกดหมายเลขโทรศัพท์ แต่จะมีเพียงปุ่มเดียวที่โดดเด่นรู้จักกันในชื่อปุ่มโฮม (Home) ส่วนการใช้งานจะสั่งการทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสแบบมัลติทัชบนระบบปฏิบัติการที่แอปเปิลพัฒนาขึ้นมาเองเรียกว่า iOS เป็นตัวขับเคลื่อนให้กับไอโฟน ปัจจุบันไอโฟนได้กลายเป็นโทรศัพท์มือถือในฝันของใครหลาย ๆ คนบนโลก

สำหรับไอโฟนรุ่นแรกถูกเผยโฉมโดย สตีฟ จ็อบส์ ในงานแม็คเวิลด์วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ปัจจุบันไอโฟนถูกผลิตออกมาและวางจำหน่ายไปแล้วถึง 12 รุ่น ได้แก่ iPhone (2G), iPhone 3G, iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4s, iPhone 5, iPhone 5s, iPhone 5c, iPhone 6, 6 Plus, iPhone 6s และ 6s Plus วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปรู้จักกับวิวัฒนาการของไอโฟนแต่ละรุ่น มีความโดดเด่นอย่างไรบ้าง มาติดตามกันเลย

iPhone (2G) 

iPhone 2G

 

iPhone (2G)

บริษัทแอปเปิล ภายใต้การนำของสตีฟ จ็อบส์ ได้พลิกโฉมและสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการมือถือ เมื่อสตีฟ จ็อบส์ เผยโฉมโทรศัพท์มือถือตัวแรกของแอปเปิลนามว่า “ไอโฟน” ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยที่ทันสมัย ความสามารถของไอโฟนรุ่นแรก ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง เชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 2.5G quad band GSM และ EDGE, Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2 ล้านพิกเซล ใช้ซีพียู 412 MHz ARM 11 หน่วยความจำภายใน 4GB/8GB/16GB มีหน้าจอ Capacitive 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 pixel ส่วนตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม, พลาสติกและกระจก

 สเปคของเด่น ๆ ของ iPhone (2G)

 หน้าจอ 3.5 นิ้ว
 ซีพียู 412 MHz ARM 11 และจีพียู PowerVR MBX
 หน่วยความจำภายใน 4GB/8GB/16GB
 กล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล
 เชื่อมต่อ EDGE, Wi-Fi
 วัสดุอะลูมิเนียม, พลาสติกและกระจก

iPhone 3G

iPhone 3G

 

iPhone 3G

iPhone 3G มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ มีความโค้งมนมากขึ้น ด้านหลังตัวเครื่องถูกเปลี่ยนเป็นสีดำล้วน มีความเงางามและใช้วัสดุเป็นพลาสติกกับกระจก สำหรับ iPhone 3G ถูกเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ในงาน WWDC 2008 สำหรับความโดดเด่นของรุ่นนี้ถือว่าถูกพัฒนาไปไกลและดีขึ้นกว่าเดิม โดยรองรับการทำงานบนเครือข่าย 3G, ด้านสเปคเหมือนกับ iPhone 2G แต่เพิ่มแรม 128MB ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น ส่วนหน่วยความจำลดเหลือ 8GB/16GB รวมถึงความสามารถในการใช้งานที่หลากหลายขึ้น และที่สำคัญ iPhone 3G มาพร้อมกับ App Store ที่สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้นั่นเอง และตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งสีดำ และสีขาว

 สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 3G

 รองรับการใช้งาน 3G
 แรม 128MB
 หน่วยความจำลดเหลือ 8GB/16GB
 ดาวน์โหลดแอพฯ ผ่าน App Store
 ตัวเครื่องมีทั้งสีขาว และสีดำ

iPhone 3GS

iPhone 3GS

 

iPhone 3GS

iPhone 3GS ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นอีกรุ่นที่ได้กลายเป็นของสะสมของสาวกแอปเปิลหลาย ๆ คน สำหรับ iPhone 3GS เปิดตัวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ที่งาน WWDC 2009 ด้านดีไซน์ของ iPhone 3GS ยังคงเหมือนกับ 2 รุ่นแรก เน้นความโค้งมนของขอบตัวเครื่อง ส่วนด้านสเปคถูกอัพเดทให้แรงขึ้นกว่าเดิม ใช้ซีพียู Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB เพิ่มความละเอียดกล้องถ่ายภาพ 3.2 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส ใช้นิ้วแตะเพื่อหาจุดโฟกัส ถ่ายวิดีโอได้ หน่วยความจำภายใน 8GB/16GB/32GB รวมถึงรองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps และแอพพลิเคชั่นพื้นฐานมากขึ้น เช่น Voice Control (สั่งงานด้วยเสียง)

 สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 3GS

 ซีพียูใหม่ Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB
 จีพียู PowerVR SGX535
 กล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล โฟกัสได้
 หน่วยความจำ 8GB/16GB/32GB
 รองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps
 Voice Control (สั่งงานด้วยเสียง)

iPhone 4

iPhone 4

 

iPhone 4

แอปเปิลกลับมาสร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว iPhone 4 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในงาน WWDDC 2010 มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่แบบยกเครื่องทั้งหมด ใช้วัสดุหุ้มขอบด้วยสเตนเลนสตีลไร้ฉนวนซึ่งทำหน้าที่เป็นเสาอากาศของเครื่อง ตัวเครื่องจะอยู่กึ่งกลางระหว่างกระจกอะลูมิโนซิลิเกตชนิดพิเศษที่เพิ่มความแข็งแรงวางไว้สองด้านหน้า-หลัง ส่วนสเปคต่าง ๆ ถูกอัพเกรดให้แรงขึ้นกว่าเดิม ส่วนหน้าจอขนาดเท่าเดิม 3.5 นิ้ว แต่เพิ่มความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล และเรียกหน้าจอแบบใหม่นี้ว่า Retina Display จุดเด่นที่น่าสนใจของ iPhone 4 มาพร้อมกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน FaceTime หรือวิดีโอคอลล์ผ่าน Wi-Fi คุยกันแบบเห็นหน้า และ iPhone 4 เป็นอีกรุ่นที่ขายดีมาก ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยฮิตกันถล่มทลาย

สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 4

 ซีพียู Apple A4 ความเร็ว 1GHz
 แรม 512MB
 กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
 มีกล้องด้านหน้าสำหรับใช้งาน FaceTime
 หน้าจอ Retina Display ความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล
 ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด

iPhone 4S 

iPhone 4S

 

iPhone 4S

หลังยุคของการจากไปของ สตีฟ จ็อบส์ ผู้นำคนสำคัญของแอปเปิล ดูเหมือนทิศทางของแอปเปิลจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาเอาใจแฟน ๆ ทำให้การเปิดตัว iPhone 4S ถูกวิพากษ์วิจารณ์และส่งผลให้หุ้นของแอปเปิลตก iPhone 4S เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ในงาน Let’s talk iPhone ที่สำนักงานใหญ่แอปเปิล และการมาของ iPhone 4S ทำให้เหล่าสาวกของแอปเปิลที่คาดหวังจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องผิดหวังไปตาม ๆ กัน เมื่อหน้าตาของ iPhone 4S นั้นเหมือนกับ iPhone 4 จุดเด่นของ iPhone 4S มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ iCloud, กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์ใหม่ Siri ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่เปรียบได้กับผู้ช่วยที่ทำหน้าที่ในการค้นหาและให้ข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ และจุดนี้เองที่ทำให้ iPhone 4S แตกต่างจาก iPhone 4

 สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 4S

 ซีพียู Apple A5 Dual-core ความเร็ว 1GHz
 แรม 512MB
 หน่วยความจำสูงสุด 64GB
 กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
 ระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ iCloud
 Siri ระบบสั่งงานด้วยเสียง

iPhone 5 

iPhone 5

 

iPhone 5 

iPhone 5 เป็นอีกรุ่นที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ แต่ก็ยังไร้นวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ดี โดย iPhone 5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555 ความโดดเด่นของ iPhone 5 ดีไซน์ตัวเครื่องยังคงเอกลักษณ์คล้ายกับ iPhone 4/4S แต่แอปเปิลได้เปลี่ยนวัสดุใหม่เป็นอะลูมิเนียม และกระจก ส่งผลให้ iPhone 5 มีความบางของตัวเครื่องเพียง 7.6 มิลลิเมตร (บางกว่า iPhone 4S ถึง 18%) และมีน้ำหนักเพียง 112 กรัม ทำให้เบากว่าเดิมถึง 20% ด้านหลังตัวเครื่องใช้สีแบบทูโทน ส่วนหน้าจอถูกปรับขนาดเป็น 4 นิ้ว ความละเอียด 1,136×640 พิกเซล ความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เช่น เปลี่ยนจากพอร์ต 30-pin เป็นพอร์ต Lightning, รองรับ 4G LTE, หูฟังแบบใหม่ Earpods, Nano-SIM และกล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล

  สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 5

 ซีพียู Apple A6 ความเร็ว 1.3GHz
 แรม 1GB
 รองรับ 4G LTE
 วัสดุแบบใหม่ อะลูมิเนียม ทำให้บางและน้ำหนักเบา
 กล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล
 หน้าจอขนาด 4 นิ้ว
 พอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ Lightning
 หูฟังรุ่นใหม่ Earpods
 Nano-SIM

iPhone 5s

iPhone 5s

 

iPhone 5s

iPhone 5s ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของ iPhone มาพร้อมชิป Apple A7 (28nm) ที่เป็นระบบ 64-bit ตัวแรกของโลก ที่มีความเร็วกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 40 เท่า ด้านระบบกราฟิกเร็วขึ้นมากถึง 56 เท่า, แรม 1GB พร้อมแฟลชคู่ Dual LED รวมถึงกล้องที่ปรับปรุงใหม่เพิ่มลูกเล่นอีกมากมาย และไฮไลท์เด็ดของ iPhone 5S ก็คือระบบสแกนลายนิ้วมือที่แอปเปิลเรียกว่า “Touch ID Sensor”

 สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 5s

 ระบบปฏิบัติการ iOS 7
 ซีพียู Apple A7 แบบ 64-Bit ตัวแรกของโลก
 แรม 1GB
 กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบทูโทน
 ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID)
 แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม 10% รองรับ Standby ได้ 250 ชั่วโมง
 ตัวเครื่องมีสีใหม่ ได้แก่ สีทอง

iPhone 5c

iPhone 5c

 

iPhone 5C

จากข่าวลือและภาพหลุดตลอดระยะเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับ iPhone รุ่นราคาถูก ดูเหมือนจะถูกจับตามองเป็นพิเศษจากสาวกแอปเปิลจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งทางแอปเปิลเองก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าจะไม่ทำ iPhone รุ่นราคาถูก แต่เปิดตัว iPhone 5c เพื่อวางขายแทน iPhone 5 โดยตัวเครื่องของ iPhone 5c ใช้วัสดุเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตเคลือบหนาทั้งชิ้น ไร้รอยต่อ มาพร้อม 5 สีสันสดใส ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง

          สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 5c

 สเปคเท่ากับ iPhone 5
 ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติก
 มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง
 แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus 

iPhone 6

iPhone 6 

iPhone 6

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 แอปเปิลเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นถึง 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ตัวเครื่องมีความโค้งมนและบางกว่า iPhone ทุกรุ่น รวมถึงอัพเกรดสเปคใหม่แรงกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 50 เท่า

สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus

 ระบบปฏิบัติการ iOS 8
 ซีพียู Apple A8 แบบ 64-Bit ตัวแรกของโลก
 หน้าจอ Retina HD display มีให้เลือก 2 ขนาด 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว
 กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบทูโทน
 iPhone 6 Plus มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) ส่วน iPhone 6 ใช้ระบบกันสั่นผ่านซอฟต์แวร์
 ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID)
 รองรับ NFC จ่ายเงินผ่านมือถือด้วยบริการ Apple Pay
 ใช้งานแนวนอนแบบ iPad
 แบตเตอรี่อึดกว่าเดิมสแตนด์บาย 16 วัน สำหรับ iPhone 6 Plus และ 10 วัน สำหรับ iPhone 6

iPhone 6s และ iPhone 6s Plus

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2558 แอปเปิลจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว iPhone 6s และ iPhone 6s Plus สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2015

iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ที่มาพร้อมดีไซน์เหมือนเดิม แต่ด้านสเปคถูกอัพเกรดใหม่ให้น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะหน้าจอแบบใหม่ที่แอปเปิลเรียกว่า “3D Touch” สามารถแยกน้ำหนักการสัมผัสได้ ทำให้สั่งการทำงานเพื่อไปยังฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้หลากหลายขึ้น พร้อมอัพเกรดกล้องหลังเป็น 12 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล รับกระแสการถ่ายภาพ Selfie (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่)

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus 

iPhone 7

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 แอปเปิลจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว  iPhone 7 และ iPhone 7 Plus  สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2016 ของแอปเปิล

สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แอปเปิลบอกว่าเป็น iPhone ที่ดีที่สุดอีกรุ่นที่เคยผลิตมา มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ที่ปรับปรุงมาจากรุ่นก่อน และได้ซ่อนแถบเสาอากาศด้านหลังออกไป ทำให้ดูสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเพิ่มสีตัวเครื่องใหม่อีก 2 สี ได้แก่ สีดำเงา (Jet Black) จะมีเฉพาะรุ่นความจุ 128GB และ 256GB ส่วนอีกสีคือ สีดำด้าน (Black) รวมถึงสีเดิมอีก 3 สี คือ สีเทา สีทอง และสีทองชมพู (Rose Gold) รวมแล้วมีให้เลือก 5 สี (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่)

เป็นอย่างไรกันบ้างหลังจากได้เห็นวิวัฒนาการของไอโฟนแต่ละรุ่นไปแล้ว เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ความเอาใจใส่ในเรื่องต่าง ๆ ทั้งด้านการออกแบบ, ฟีเจอร์ในการใช้งาน รวมถึงซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว จึงไม่แปลกที่ไอโฟนจะกลายเป็นมือถือขวัญใจของผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะออกมากี่รุ่นก็ขายดิบขายดีอยู่เสมอ สุดท้ายแล้วก็ต้องมารอดูกันต่อว่าหลังยุคแอปเปิลไร้สตีฟ จ็อบส์ แล้ว ยุคใหม่ของแอปเปิลภายใต้การนำทัพโดย ทิม คุก มารอดูกันว่าแอปเปิลจะมีนวัตกรรมอะไรเด็ด ๆ ออกมาอวดสายตาชาวโลกอีกบ้างในอนาคต

https://www.analyticred.com

  • ข่าวที่น่าสนใจ
  • ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • 10 อันดับ ตัวร้ายจาก หนังดัง
    หนังหลาย ๆ เรื่องได้สร้างตัวร้ายที่มีมิติความน่าสนใจ มีความลึกของปมตัวละคร หรือบางครั้งคนดูก็เห็นอกเห็นใจการกระทำที่เลวร้ายเพราะเข้าใจเหตุผลของตัวละครดังกล่าว จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงร้ายเราก็รัก และนี่คือ