Home > รีวิวซีรีย์ > Captivity กลบ ฝัง ขัง ฆ่า ดูหนังซีรี่ย์ฝรั่ง

Captivity กลบ ฝัง ขัง ฆ่า ดูหนังซีรี่ย์ฝรั่ง

โพสเมื่อ วันที่ 23 March 2016 | เปิดอ่าน 1,179 views | หมวดหมู่ : รีวิวซีรีย์

รีวิวหนัง : Captivity กลบ ฝัง ขัง ฆ่า

Captivity กลบ ฝัง ขัง ฆ่า

โปรแกรมฉายในไทย : 20/9/07
โปรแกรมฉายใน US : 18/5/07
ผู้กำกับ :
โรแลนด์ โจเฟ่
Roland Joffe (The Mission, The Killing Fields)
ภาพยนตร์โดย : บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด

นักแสดงภาพยนตร์ กลบ ฝัง ขัง ฆ่า แคพทิวิตี้ Captivity :
เอลีช่า คัธเบิร์ท
Elisha Cuthbert (The Quiet)
เดเนียล กิลลี่ส์ Daniel Gillies (Spider Man, Bride and Prejudice)

ผู้แสดงสมทบภาพยนตร์ กลบ ฝัง ขัง ฆ่า แคพทิวิตี้ Captivity : 

      พรูอิท เทเลอร์ วินซ์ Pruitt Taylor-Vince

 

<เกริ่นนำภาพยนตร์ กลบ ฝัง ขัง ฆ่า แคพทิวิตี้ Captivity>

 

โปสเตอร์บนรถเมล์,หน้าปกนิตยสาร ล้วนเป็นภาพของสาวแสนสวยคนเดียวกัน – เจนนิเฟอร์ ทรี ซึ่งนำพาเราเข้าสู่สถานที่หนึ่ง ที่เราเองก็ไม่รู้ว่าคือที่ใด เสียงหัวใจเต้น…ได้ยินชัดเจน… ประตูล็อคเกอร์ระบุหมายเลขหนึ่งถึงสี่ร่างอันซีดเซียวเท้าในรองเท้ากุชชี่สีแดงห้อยอยู่บนเตียงราคาถูก รองเท้าค่อยๆ เลื่อนหล่นบนพื้นเผยให้เห็น เจนนิเฟอร์ หญิงสาวคนเดียวกับภาพโปสเตอร์ตกอยู่ในภาวะงุนงงและสับสน เธอได้ยินเสียงนกนางนวลร้อง และมองเห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินกระจ่างผ่านหน้าต่างและทันทีที่เธอโผเข้าไปหามันกลับเลือนหายกลายเป็นเพียงภาพจากจอโปรเจ็คเตอร์แบบเดียวกับภาพของเธอที่เต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาดบนโปสเตอร์นั่นเองไฟกระพริบวิบวับเผยให้เห็นห้องปิดทึบที่ปราศจากประตูและหน้าต่าง บอกให้รู้ว่าเธอกำลังถูกคุมขังอีกฟากหนึ่งของฝาผนังติดภาพโปสเตอร์ขนาดยักษ์เป็นรูปของเธอเอง เจนนิเฟอร์กรีดร้องอย่างหวาดผวาและอกสั่นขวัญหาย

นี่คือฉากเปิดเรื่องของ แคพทิวิตี้ Captivity – ภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญเชิงจิตวิทยา สร้างจากบทภาพยนตร์ของนักเขียนชื่อดัง แลร์รี่ โคเฮน (Larry Cohen – Cellular, Phone Booth) Captivity นำเสนอความหวาดกลัวและความขนลุกขนพองในแบบเดียวกับ Silence of the Lambs และความเขย่าขวัญในแบบเดียวกับ The Grudge, The Ring และ Saw โดยเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ โรแลนด์ จอฟเฟ่ (Roland Joffe) ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอคาเดมีมาแล้วสองครั้งกับเรื่องราวความสยองขวัญภายในคุกใต้ดิน ของห้องใต้ถุนบ้านก่ออิฐสีน้ำตาลในย่านแมนฮัตตัน
 

<เนื้อเรื่องย่อภาพยนตร์ กลบ ฝัง ขัง ฆ่า แคพทิวิตี้ Captivity>

กรดกำลังไหลผ่านท่อลงสู่ปากของชายผู้หนึ่ง ซึ่งถูกมัดแน่นหนาด้วยเทปกาวเขาถูกฆาตกรที่ไม่รู้จักลักพาตัวมา และฆาตกรก็เงื้อค้อนยักษ์ขึ้นเหนือศีรษะของชายคนนั้นก่อนจะกระหน่ำลงมาอย่างแรง – ตัดไป ความมืด…การถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง…ความโดดเดี่ยว…ความกลัวอันล้ำลึกในใจของ เจนนิเฟอร์ ทรี กำลังจะกลายเป็นความจริงเธอคือนางแบบสาวสวยผู้โด่งดังแต่ขณะนี้กำลังนอนหมดสติอยู่บนเตียงเหล็กภายในห้องที่ไม่มีหน้าต่าง เห็นรองเท้าส้นสูงของเธอห้องต่องแต่งอยู่นอกฟูก เธอฟื้นขึ้นมาด้วยอาการงุนงงและสับสน ได้ยินเพียงเสียงกระซิบที่สะท้องก้องจากฝาผนังอันเย็นเยือกและว่างเปล่า ดวงตามองเห็นตู้ล็อคเกอร์สี่ใบวางพิงอยู่ที่ผนังบอกให้รู้ว่าเธอกำลังถูกจำกัดอิสรภาพอย่างไม่จำยอม อีกด้านหนึ่งของผนังค่อยๆปรากฏภาพโปสเตอร์หลายๆภาพของเธอ ซึ่งกำลังทำท่าหัวเราะเยาะเย้ย เจนนิเฟอร์กรีดร้องอย่างขวัญเสียและเคืองแค้นจอโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่มุมห้องฉายภาพให้เห็นอพาร์ตเมนต์อันหรูหราของเจนนิเฟอร์ แล้วจึงเปลี่ยนเป็นภาพของเธอนอนคุดคู้ อยู่ท่ามกลางกองเครื่องมือระเกะระกะที่หลังรถแวนมองเห็นมือๆหนึ่งกำลังมาลูบผมเธอก่อนที่ภาพในจอจะนิ่งสนิทบอกให้รู้ว่าผู้ลักพาได้แนะนำตัวมันเองให้เธอรู้จักแล้ว

รายการให้สัมภาษณ์ครั้งเก่าของเธอฉายขึ้นบนจอโทรทัศน์อีกครั้ง เธอกำลังพูดถึงความงามและความมีเสน่ห์ตรึงใจ ในขณะที่ดวงตาฉายแววแห่งความเศร้าอยู่ตลอดเวลา แต่ในห้องขัง เธอซุกตัวเองที่มุมห้องและพยายามคิดหาทางพาตัวเองหนีความเจ็บปวดนี้ไปให้พ้น ณ โลกภายในสองนักสืบ เบ็ตติเจอร์ (Bettiger) กับ ดิซานโตส (Disantos) กำลังสืบสวนที่เกิดเหตุ ในอพาร์ตเมนต์ของเจนนิเฟอร์ พวกเขาพบผลึกเกลือที่อยู่ในห้องใต้ดินชิ้นเล็กๆปะปนอยู่กับผงสีขาวปนเทาอันไม่ปรากฏที่มา ซึ่งพวกเขาเคยเห็นผงนี้มาแล้วเพราะมันคือเศษเถ้าจากการเผาศพ ทำให้พวกเขารู้ในทันทีว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก ความมืดทำให้เจนนิเฟอร์อึดอัดจนหายใจไม่สะดวก เธอกล่าวคำปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้ลืมอาการหวาดกลัวในที่ปิดล้อม (claustrophobia) เสียงกุกกักดังขึ้นในความมืดทำให้ลมหายใจของเธอติดขัดทันใดนั้นรางเหล็กเปิดออกเผยให้เห็นกุญแจหนึ่งอันวางอยู่ คือกุญแจหมายเลข 1 เจนนิเฟอร์คว้ามันแล้วตรงไปไขประตูล็อคเกอร์หมายเลข 1 ในนั้นมีชุดมินิสเกิร์ตรัดรูปวางไว้ให้เธอสวม แต่เธอปฏิเสธอย่างโกรธเกรี้ยวและท้าทาย แสงไฟในห้องส่งเสียงหึ่งๆครึมครางอย่างบ้าคลั่งน่าขนลุก และค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆจนเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปจนทนได้ แม้เจนนิเฟอร์จะหลับตาและอุดหูแต่ก็ไม่อาจหนีพ้นแสงสว่างที่แวบๆ เข้าตาได้การกลิ้งตัวหนีแสงไปหลบใต้เตียงกลายเป็นชัยชนะเล็กๆ ของเธอต่อผู้ที่ลักพาตัวเธอไปโดยปริยาย ตะไบเล็บอันเล็กๆที่เธอพบใต้เตียงนั้นจึงกลายเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้เธอหลบหนีออกไปได้ 

 
ห้องมืดและเงียบลงอีกครั้ง เจนนิเฟอร์มองเห็นช่องระบายอากาศเหนือศีรษะจึงเหยียบทีวีเพื่อปีนขึ้นไป โดยใช้ตะไบเล็บค่อยๆไขเกลียวตะปูอย่างระมัดระวัง เมื่อค่อยๆคืบคลานเข้าไปในช่อง เธอเคลื่อนตัวลงไปตามช่องให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ขณะที่พื้นที่ภายในช่องก็ดูจะยิ่งแคบลงๆ และเธอก็มองเห็นเศษเล็บสีแดงหักๆในนั้น บอกให้รู้ว่าเคยมีคนพยายามทำแบบนี้มาก่อนและในขณะที่เธอกำลังคลานก็ได้ยินเสียงดังโครมอยู่เหนือหัว แล้วเลื่อยตัดเหล็กก็แล่นผ่านหน้าเธอไปแบบฉิวเฉียดเธอถูกดึงตัวออกมาสู่ภายนอก และถูกเข็มฉีดยาปักลงบนเส้นเลือดในทันที เจนนิเฟอร์นอนหมดสติด้วยฤทธิ์ยาอยู่บนเตียง คราวนี้เธอสวมชุดมินิสเกิร์ตที่ผู้ลักพาต้องการสวมไว้เรียบร้อยแล้วที่ด้านหลังของโปสเตอร์มีร่างของคนหนึ่งซ่อนตัวเอง มันคือผู้ลักพาที่คอยเฝ้าดูเธออยู่ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งและพบว่ากลับมาอยู่ในห้องขัง ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวและหวั่นกลัวนับไม่ถ้วนครั้ง แต่คราวนี้เธอกลับพบว่าฝาผนังด้านหนึ่งดูแปลกไป เพราะมีอะไรปกคลุมอยู่ เมื่อมองผ่านเข้าไปเธอก็ได้เห็นห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งแตกต่างจากห้องที่เธออยู่ลิบลับและมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องตรงมาและทำให้เธอตกตะลึง เจ้าของดวงตาคู่นั้นคือ แกรี่ ชายหนุ่มผู้มีท่าทีสับสนงุนงงไม่ต่างจากเธอเช่นกัน เจนนิเฟอร์ตื่นขึ้นมาในหีบทรายที่ทำด้วยกระจก และกำลังจะถูกฝังทั้งเป็นจากทรายที่ไหลลงมา แกรี่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านกระจกพยายามทางหาปีนเข้าไปในช่องระบายอากาศโดยใช้ตะไบเล็บของเจนนิเฟอร์และดึงร่างเธอออกจากหีบทรายได้ทันในนาทีสุดท้ายทั้งสองเห็นโอกาสในการหลบหนี จึงพากันวิ่งหาทางออกไปทั่วบ้าน แต่ผู้ลักพาก็ยังคงล้ำหน้าพวกเขาอยู่หนึ่งก้าวเสมอ มันปล่อยให้พวกเขาคิดว่าสามารถหาทางออกพบแล้ว เมื่อพวกเขาออกจากช่องระบายไปโผล่ที่โรงรถ และพบว่าโรงรถนั้นก็เป็นผนังที่ทำเทียมขึ้นพวกเขาหมดสติจากก๊าซที่ถูกปล่อยจากท่อไอเสียรถยนต์และตื่นขึ้นมาในห้องขังอีกครั้งพร้อมกับตระหนักดีว่าไม่มีทางหนีออกไปได้เด็ดขาด

 

 

เบ็ตติเจอร์กับดิซานโตสไปขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ ซูซาน ลูเดน (Susan Luden) ให้ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของฆาตกร ซูซานบอกว่าพวกเขาไม่มีเบาะแสมากพอเพราะฆาตกรต้องการจะปั่นหัวพวกเขามันยังไม่พร้อมจะถูกจับ แกรี่กับเจนนิเฟอร์เกิดความใกล้ชิดสนิทสนมกันและกันมากขึ้นภาพวาดกั้นระหว่างกันถูกทำลายห้องขังจึงไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไป แกรี่เกิดความปรารถนาในตัวเจนนิเฟอร์ ในขณะที่เธอก็คอยพึ่งพาเขาอยู่เขาคุยกับเธอถึงเรื่องการกลัวความมืดทั้งปลอบโยนและให้กำลังใจ เมื่อทั้งคู่ยืนขึ้นปล่อยให้ร่างกายเบียดเข้าหากันผ่านกระจกจนต่างก็รู้สึกถึงความอบอุ่นของกันและกันสร้างความขบขันแก่ผู้ลักพาที่กดปุ่มเปิดให้กระจกเปิดออกเพียงชั่วครู่ ทำให้เจนนิเฟอร์รู้สึกได้ถึงรสสัมผัสของแกรี่ในขณะที่ผู้ลักพาปิดกระจกลง

สองตำรวจนักสืบค้นพาข้อมูลสำคัญจนได้พวกเขาไปหา เบน เด็กซ์เตอร์ แห่งบริษัทพี่น้องเด็กซ์เตอร์ (Dexter Bros.) ซึ่งเป็นบริษัทรับบริการจัดอาหารในงานปาร์ตี้ครั้งสุดท้ายก่อนเจนนิเฟอร์หายตัวไป เบาะแสนี้ชักนำพวกเขาไปสู่บริเวณที่ทิ้งขยะ…สถานที่ที่ไม่มีใครทำประโยชน์ใดๆ พวกเขาจึงทั้งโกรธแค้นและสับสน เลยมุ่งตรงไปยังบ้านของเบนแทน 

 

เจนนิเฟอร์รู้ว่าตนเองเริ่มรู้สึกชอบแกรี่ชายหนุ่มผู้ที่เธอไม่มีทางเหลือบมองเป็นครั้งที่สองเมื่อเจอกันบนท้องถนนเด็ดขาด เมื่อเธอได้รับกุญแจหมายเลข 4 ทั้งคู่รู้ว่ามันต้องเป็นเช่นนี้เธอแต่งตัวอย่างเชื่องช้าและประณีตขณะที่ความกลัวค่อยๆคืบเข้ามา ขณะที่เธอเฝ้ารอปฏิกิริยาจากผู้ลักพา กระจกเปิดออกและแกรี่ก็ยื่นท่อผ่านเข้ามาทางรอยแยก เจนนิเฟอร์จึงรีบเข้าไปในห้องเขาทันทีในที่สุดทั้งสองก็ได้อยู่ด้วยกัน แล้วจู่ๆ ผู้ลักพาก็เข้ามาในห้อง เสียงปืนดังขึ้น! ทุกอย่างมืดมิดร่างหนึ่งถูกลากออกไปจากห้องภาพในจอโทรทัศน์กระพริบให้เห็นสีหน้าสยดสยองของเจนนิเฟอร์ เมื่อเห็นปืนกำลังเล็งที่ศีรษะของแกรี่ ทีวีดับลงเมื่อเสียงปืนดังก้องขึ้นอีกครั้ง ร่างของแกรี่ถูกนำกลับมาห้องขัง เจนนิเฟอร์โน้มตัวลงดูเขาก็ได้ยินเสียงหายใจแผ่วๆ เธอโอบเขาไว้ในอ้อมแขนและปลอบโยนเขา แกรี่ค่อยๆตื่นขึ้นช้าๆ มีความสุขเพราะความอบอุ่นจากแววตาของหญิงสาวที่รักเขา เขาบอกให้เธอดื่มน้ำ ซึ่งมียาผสมอยู่และทำให้เธอหมดสติไปอีกครั้ง เมื่อแกรี่ตื่นขึ้น เจนนิเฟอร์จูบเขา ทั้งสองจูบกันหนักหน่วงขึ้นและนำไปสู่การร่วมรักถึงตอนนี้ผู้ลักพาไม่ได้คอยเฝ้าดูอยู่ที่หน้าจออีกแล้วแต่แล่นเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกับพวกเขาคอยเฝ้าดูพวกเขาร่วมรักกันสดๆ เมื่อกล้องเคลื่อนไปที่เขาจึงเห็นว่าเป็น เบน เด็กซ์เตอร์

เจนนิเฟอร์กับแกรี่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันดื่มด่ำกับความเสน่หาชิดใกล้ ในที่สุดเจนนิเฟอร์ก็เปิดรับคนๆหนึ่งเข้ามาในหัวใจ เธอเป็นหญิงสาวที่ไม่เคยขึ้นรถเมล์เลยในชีวิตและหลีกเลี่ยงการยุ่งเกี่ยวกับคนทั่วไปเหมือนกลัวโรคระบาดเธอต้องการอยู่กับแกรี่ทั้งคู่คุยถึงอนาคตของกันและกันและต่างก็ทำให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นว่ามันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ แต่แล้วเจนนิเฟอร์ก็หมดสติไปอีกจากยาที่ผสมอยู่ในน้ำที่ตั้งอยู่ในห้องขังนั้น แกรี่พยายามปลุกเธอแต่ไม่สำเร็จเขาจ้องเจนนิเฟอร์อยู่นาน จากนั้นจึงดึงบัตรหน้าตาเหมือนเครดิตการ์ดขึ้นมาเสียบเข้าไปในช่องที่ซ่อนอยู่ในผนังประตูเปิดออกและแกรี่ก้าวเข้าไป เบน เด็กซ์เตอร์หันมามองจากในครัวเขายินดีกับน้องชายผู้เป็นหุ้นส่วนของบริษัทพี่น้องเด็กซ์เตอร์ ซึ่งก็คือแกรี่นั่นเอง 

 

เบนเร่งให้แกรี่จัดการให้เสร็จๆ เพราะเล่นบทฮีโร่นักรักไปเรียบร้อยแล้ว แกรี่ค้านว่าเหยื่อรายนี้ไม่เหมือนรายก่อนๆ เพราะเธอต้องการใช้ชีวิตกับเขา เบนหัวเราะเยาะใส่หน้าแกรี่และบอกว่าฝันไปเถอะและกำลังจะไปกำจัดเหยื่อแต่แกรี่กลับคว้ามีดขึ้นมาเสียบอกพี่ชายแทน! และลากร่างเบนไปที่อ่างอาบน้ำและจัดการเก็บกวาดรูปของพวกเขาให้หมดสิ้น

กริ่งหน้าประตูดังขึ้นเป็นสองตำรวจนักสืบนั่นเองที่ก้าวเข้ามาในบ้านและคุยกับแกรี่ในแบบไม่เป็นทางการ เบ็ตติเจอร์แกล้งทำเป็นอยากเล่นเกมทางโทรทัศน์ระหว่างที่พวกเขารอเบนกลับมาขณะที่แกรี่ออกไปจากห้องสองตำรวจนักสืบหมุนช่องไปเจอภาพของเจนนิเฟอร์ในห้องขัง ก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสได้ทำอะไร แกรี่ก็มายืนอยู่ข้างหลังแล้วรัวกระสุนเข้าใส่พวกเขา จนห้องรับแขกท่วมไปด้วยเลือด แกรี่กลับไปหาเจนนิเฟอร์ อ้างว่าเขาฆ่าผู้ลักพาทั้งสองคนแล้วเขาพาเธอขึ้นไปชั้นบนและเธอกำลังจะโทร.ไปหาตำรวจ มือโชกเลือดของเบ็ตติเจอร์เอื้อมมาแตะเธอเพื่อจะเตือนเธอ แต่เธอกลับไม่ลังเลที่จะใช้ไม้เบสบอลกระหน่ำหัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แกรี่โน้มน้าวให้เจนนิเฟอร์ผู้กำลังมึนงงลืมเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทิ้งมันไว้และห้ามบอกใครอีก เขาเข้าไปลบรอยนิ้วมือในห้องขังและทำลายเทปจากกล้องวงจรปิดปล่อยให้เจนนิเฟอร์นั่งสงบสติอารมณ์ในห้องรับแขก เธอมองกองหนังสือที่มีชื่อเขียนไว้บนหน้าปก และเห็นว่ามีชื่อเธอด้วย จึงเปิดดูและพบรูปตัวเองเป็นจำนวนมากกับแกรี่ – และรูปของแกรี่กับหญิงสาวคนอื่น! เธอจึงแน่ใจว่าเขาก็เป็นหนึ่งในพวกมัน! ผู้ชายที่เธอหลงรักเป็นพวกนักลักพาตัวเธอพยายามหาทางหนีออกจากบ้าน แต่เบนกลับมาปรากฏตัวที่ด้านหลังเธอ พร้อมด้วยเรี่ยวแรงที่เขารวบรวมไว้เพื่อเอาชีวิตเจนนิเฟอร์ให้ได้ ขณะที่มือของเขากำแน่นรอบลำคอของเธอ เธอฉวยมีดได้และเสียบเข้าช่องท้องของเขาและกระชากออกเขาเลือดไหลและตาย 

 

เธอวิ่งขึ้นๆ ลงๆ บ้านพยายามหาทางเปิดประตูหรือหน้าต่างแต่ทุกบานกลับล็อคสนิทเธอได้ยินเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากร่างท่วมเลือดของชายผู้ที่เธอคิดว่าเป็นนักลักพา และเมื่อเปิดกระเป๋าเสื้อเพื่อค้นหาก็พบเครื่องหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์คในเสื้อโค้ค เธอจึงรู้ว่าเพิ่งฆ่าตำรวจ และไม่มีทางหนี บ้านทั้งหลังถูกล็อค แกรี่ฟื้นขึ้นมาทำให้เธอค้นพบความจริง เธอแกล้งยั่วยวนเขาและสาดแอมโมเนียเข้าใส่ตาเขา ค่อยๆเซซังไปตามห้องต่างๆ แล้วเลื่อนเฟอร์นิเจอร์มาดันประตูไว้เพื่อกันไม่ให้แกรี่เข้ามาได้ และพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในห้องของผู้ลักพา เธอตะลึงจ้องมองแกรี่ผู้อยู่ห่างจากเธอเพียงสามฟุต โดยมีฝาผนังกั้นอยู่ แกรี่พยายามตามหาตัวเธอแต่ไม่พบเขาเปิดประตูทิ้งไว้แต่แล้ว…เปรี้ยง! เจนนิเฟอร์ยืนรอเขาอยู่พร้อมด้วยลูกปืน เธอยิงซ้ำและยืนดูเขาตายทั้งที่น้ำตาคลอ เจนนิเฟอร์ฉีกภาพโปสเตอร์รูปเธอในห้องขังนั้นจนหมด และใช้ปืนยิงประตูบ้าน เธอออกมาสู่ท้องถนนภายนอกด้วยความงงงันดวงตะวันลอยเด่นเหนือนิวยอร์คซิตี้ เธอก้าวผ่านป้ายโฆษณาน้ำหอมซึ่งเป็นภาพโปสเตอร์ขนาดมหึมา…อันเป็นภาพลวงตาของตัวตนที่เธอเคยเป็น