Home > รีวิวซีรีย์ > I’m a cyborg, But that is ok.OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า

I’m a cyborg, But that is ok.OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า

โพสเมื่อ วันที่ 5 April 2016 | เปิดอ่าน 1,410 views | หมวดหมู่ : รีวิวซีรีย์

รีวิวหนัง : I’m a cyborg, But that is ok.OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า

I’m a cyborg, But that is ok.

OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า “ร้าก”

 

*…เรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นในโรงยาบาลโรคจิต…เมื่อทั้งสองคนมาพบกัน…*
เรน : ชายหนุ่มที่เป็นโรคขี้ขโมยและต่อต้านสังคม ผู้มีความเชื่อว่า เขาสามารถขโมยความสามารถของคนอื่นได้
อิมซูจอง : หญิงสาวที่คิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์ จนอยากจะเติมเชื้อเพลิงมากกว่าการกินอาหาร

 

เรื่องย่อ

“ปาร์ค อิล-ซุน”(เรน) : ชายรูปร่างสูงใหญ่คล้ายนายแบบ มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์แต่กลับพักอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต สมัยเด็กเขาถูกเลี้ยงมาด้วยความโหดร้ายทารุณ ดังนั้นพอเขาประสบปัญหาที่แก้ไม่ได้ เขาก็จะสวมหน้ากากเพื่อไม่ให้ใครหาเขาพบ แต่สิ่งที่ อิล-ซุน ชอบทำมากที่สุดก็คือการสังเกตคนอื่น เขาคิดว่าตัวเอง มีความสามารถพิเศษในการขโมยนิสัย บุคลิก อารมณ์ ความสามารถ หรือแม้กระทั้งความรู้สึกได้ เขาจะขโมยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาจะคิดได้ และแล้ววันหนึ่ง  เขาก็ได้พบกับเด็กผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ชื่อว่า ชา ยอง-กุน ผู้ซึ่งมีทรงผมกระเซอะกระเซิง ตากลมโต ตัวเล็ก แล้วเธอคนนี้นี่แหละ…เป้าหมายใหม่ของอิล-ซุน

“ชา ยอง-กุน”(อิมซูจอง) : ชอบสะพายกระเป๋าใบใหญ่ ซึ่งข้างในเต็มไปด้วยเม้าท์คอมพิวเตอร์ วิทยุ ฟันปลอม นอกจากนี้ยังมีกล่องอาหารด้วย แต่ อิล-ซุน ก็พบว่า เธอไม่เคยกินข้าวเลย และในกล่องอาหารมีแต่แบตเตอรี่ ยอง-กุน กระซิบบอก อิล-ซุน ว่าความจริงแล้วเธอเป็นหุ่นยนต์ ถ้ากินอะไรเข้าไปแล้ว จะทำให้เครื่องเสียทันที จากนั้น…ทั้งสองคนก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
* แต่แล้ววันหนึ่ง อิล-ซุน ไม่ได้ทานอาหารจนร่างกายซูบเซียวถึงขั้นอันตราย อิล-ซุน จึงสาบานว่าเขาจะต้องซ่อมหุ่นยนต์แฟนสาวให้หายให้ได้… เขาจะสามารถทำได้มั้ย และเรื่องราวของเขาและเธอจะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ ในภาพยนตร์ “I’m a cyborg, But that is ok.” OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า “ร้าก”

 

“เรน” เจ้าชายกระต่ายน้อย & “อิมซูจอง” เจ้าหญิงสติหลุด
การเปลี่ยนแปลงบทของ “อิมซูจอง” และความท้าทายของ “ชองจีฮุน”
“อิมซูจอง” และ “ชองจีฮุน” ได้สร้างความสด และการเปลี่ยนแปลง เพื่อบทบาทอันน่าทึ่ง ทั้งหน้าตา วิธีการพูด การแสดงออกทางสีหน้า การแสดงอารมณ์ และอื่นๆ “อิมซูจอง” รับบท Young-goon ตัวละครที่ไม่เหมือนใครที่คิดว่าตัวเธอเป็นหุ่นไซบอร์กซึ่งทำตามคำสั่งทางวิทยุ พูดคุยกับสิ่งของต่างๆ และมีกล่องอาหารกลางวันที่เต็มไปด้วยแบตเตอรี่ Young-goon เป็นหญิงกล้าแต่บริสุทธิ์ และลึกลับ ด้วยคิ้วที่เหมือนโมนาลิซ่า และทรงผมที่คล้ายกับตัวละครของ CHOI Min-shik ในเรื่อง Old Boy แม้ว่าเธอจะมีหุ่นผอมอยู่แล้ว แต่เพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่า Young-goon อดอาหารมาเป็นเวลานาน เธอต้องลดน้ำหนักอีก 5 กก. เพื่อบท เธอยังต้องแสดงถึงความทุ่มเท และจิตวิญญาณในการแสดงฉากยากๆ อย่าง ฉากฝันกลางวันของเธอ

“เรน” ทำให้โลกรู้จักเขาในฐานะนักร้อง และเปิดตัวเป็นครั้งแรกในฐานะนักแสดงภาพยนตร์ด้วยชื่อจริงของเขา “ชองจีฮุน” ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาถูกซ่อนภายใต้ชุดของโรงพยาบาล ผมของเขาดูเหมือนมีเสาอากาศมากมาย เขาเปลี่ยนไปสู่ Il-soon พวกแอนตี้สังคม และเพื่อแสดงเป็นตัวละครที่ขโมยตัวตน และทักษะพิเศษของคนอื่น เขาต้องเรียนรู้จาก SUH Yong-ryul เป็นเวลา 1 เดือนก่อนการถ่ายทำ นอกจากนั้น เขายังต้องถือไม้ตีปิงปองตลอดเวลา แม้กระทั่งช่วงตารางการบันทึกเสียงอัลบั้มใหม่ของเขา เพื่อให้ตีได้อย่างประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะได้เห็นดาว 2 ดวงถ่ายทอดในสิ่งที่พวกเขาแตกต่าง แต่กลับเป็นคู่ที่เหมาะสม

เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ …

พื้นที่โล่งกว้าง” ที่ซึ่งคนอื่นพร้อมด้วยโลกส่วนตัวของพวกเขาอยู่ร่วมกัน
“โรงพยาบาลโรคจิต” ถูกสร้างขึ้นในโรงพยาบาล

โรงงานที่ส่งเสียงหนวกหูใน Sympathy For Mr.Vengeance, คุกส่วนตัวใน Old Boy และคุกใน Sympathy For Lady Vengeance ในภาพยนตร์หลายเรื่องของผู้กำกับ ปาร์ค ซานวูค สถานที่หลายแห่งโดดเด่น เต็มไปด้วยเรื่องราว เรื่อง I’m A Cyborg But That’s OK ยังเกิดขึ้นในสถานที่พิเศษ คือ โรงพยาบาลโรคจิต โรงพยาบาลโรคจิตในภาพยนตร์ต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป และเปิดกว้างให้กับคนไข้ได้เคลื่อนไหวอย่างมีอิสระ ตัวโรงพยาบาลถูกสร้างที่ท่าเรือยอร์ชที่อ่าว Soo-young เมืองปูซาน ห้องโถงของโรงพยาบาล ห้องคนไข้หญิง ห้องคนไข้ชาย ห้องรักษาด้วยไฟฟ้า ห้องอาบน้ำ และอื่นๆ มีให้เห็นเพียงแวบเดียว ยกเว้น ห้องสันทนาการ และห้องเสถียรภาพ ตัวละครที่อยู่ในโลกส่วนตัวของพวกเขาอยู่ร่วมกันในพื้นที่อิสระแห่งนี้ ตัวโรงพยาบาลถูกทำให้เป็นโลกลึกลับเหมือนเทพนิยาย อย่างใน Alice In Wonderland โดยใช้สีขาว และโทนสีอ่อน ควบคู่ไปกับความพยายามอย่างสร้างสรรค์เพื่อถ่ายทอดโลกใหม่ I’m A Cyborg But That’s OK เชื้อเชิญผู้ชมสู่โลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เป็นครั้งแรกที่ใช้กล้องเฮชดี ไวเปอร์ ฟิล์มสตรีมในเกาหลี คอมพิวเตอร์กราฟฟิคหลากหลายเพื่อสัมผัสถึงโลกแฟนตาซี

ขณะที่โลกภาพยนตร์กำลังพยายามใช้เทคโนโลยีใหม่ต่างๆ I’m A Cyborg But That’s OK ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเฮชดี เพื่อผลิตภาพยนตร์เฮชดีด้วยต้นทุนและเวลาการสร้างต่ำ “กล้องไวเปอร์ ฟิล์มสตรีม” ถูกใช้เพื่อสร้างคุณภาพของภาพเหมือนกับกล้องภาพยนตร์ปกติ ล่าสุดกล้องชนิดนี้ถูกใช้ในหนังหลายเรื่อง เช่น หนังของเดวิด ฟินเชอร์ เรื่อง Zodiac และหนังของไมเคิล มานน์ เรื่อง Miami Vice แต่ไม่เคยใช้มาก่อนในประเทศเกาหลี ถือเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ในการใช้กล้องนี้ แต่ผู้กำกับ ปาร์ค ซานวูค มั่นใจว่าจะได้ภาพอย่างที่เขาคิดไว้ กล้องเฮชดีสามารถจับภาพได้กว้างกว่าเมื่อเทียบกับกล้องภาพยนตร์ปกติ และยังช่วยประหยัดต้นทุน แต่อาจจะทำให้คุณภาพของภาพยนตร์ลดลง ดังนั้น ทีมงานจาก Sympathy For Mr.Vengeance, Old Boy และ Sympathy For Lady Vengeance ได้เข้ามาร่วมงานเพื่อช่วยการถ่ายทำ การจัดแสงเพื่อเพิ่มคุณภาพของภาพยนตร์ให้ถึงที่สุด

ตัวละครและเนื้อเรื่องของ I’m A Cyborg But That’s OK มีหลายจุดที่เหมือนเป็นแฟนตาซี

ตัวหนังมีภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิคมากกว่าผลงานเรื่องก่อนหน้าของ ปาร์ค ซานวูค ฉากที่กระสุนพุ่งจากปลายนิ้วของ Young-goon เป็นหนึ่งในฉากที่ให้รายละเอียดสมบูรณ์แบบ และฉากที่ตัวละครหลักบินเหนือวิวเหมือนเนินเขาในสวิสถูกถ่ายทำด้วยโครม่าคีย์ แล้วเติมเมฆเข้าไปทีหลัง หลายๆ ฉากเช่น ฉาก Young-goon บินผ่านเมฆบนเตียง เชื้อเชิญให้ผู้ชมไปสู่โลกในจินตนาการด้วยภาพที่เหมือนกับในหนังสือเทพนิยาย I’m A Cyborg But That’s OK ได้ลองสไตล์ใหม่ในภาพยนตร์ ผ่านทางการใช้อุปกรณ์การถ่ายทำที่ไม่เคยใช้มาก่อนในประเทศ และการใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคต่างๆ ตัวหนังจะได้รับการบันทึกว่าเป็นหนังที่เปิดความท้าทายใหม่ ด้วยเนื้อหาและรูปแบบการสร้าง และการใช้รูปแบบใหม่ๆ

ตัวละครหลายตัวทำให้หนังพิเศษยิ่งขึ้น  โดยถ่ายทอดตัวตนที่เหมือนใครและน่าขันของพวกเขา

ภาพยนตร์เรื่องแรกของซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเอเชีย!!! และประเทศไทยถือเป็นประเทศที่สองต่อจากเกาหลีที่จัดฉาย ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง “I’M A CYBORG, BUT THAT’S OK” (แอม อะ ไซบ็อก, บัท แดท’ส โอเค)  “เรน” (Rain) หรือ “ชองจีฮุน” ประกบคู่นางเอกสุดน่ารักมากฝีมืออย่าง “อิมซูจอง” (ภาพยนตร์เรื่อง “ตู้ซ่อนผี”, “Sad Movie” และซีรีส์สุดฮิต “I’m Sorry, I love you”) และ กำกับการแสดงโดย “ปาร์ค ซานวูค” (รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส จากเรื่อง “Old Boy”)

หนุ่มเกาหลีหน้าใสปิ๊ง “เรน” หรือ “ชองจีฮุน” ที่พกเอาความสามารถมากระชากหัวใจแฟนทั่วเอเชีย เริ่มจากการคว้าตำแหน่งนักร้องซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเอเชีย!!! กับผลงานเพลงที่มีออกมาอย่างต่อเนื่องถึง 4 อัลบั้ม ตั้งแต่อัลบั้ม Bad Guy, First Drip, Rain Vol.2 และ It’s Raining พร้อมเพลงฮิตติดชาร์ทมากมายอาทิ Beside Saying Goodbye, Running Away from the sun, It’s Raining และ I do และรับประกันคุณภาพด้วยการกวาด “รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม” จากทุกสถาบันในเกาหลี …สำหรับความสามารถทางด้านการแสดง เรนฉายแววศิลปินนักแสดงด้วยการโชว์ฝีมือในผลงานละครโทรทัศน์เรื่องแรก “Sang – Doo, Let’s Go To School” (บันทึกหัวใจ…นายซางดู) ได้รับการตอบรับจากแฟนชาวเกาหลีและชาวไทยอย่างท่วมท้น… เพิ่มดีกรีความแรงด้วยซีรีส์สุดฮอตอย่าง “Full House” (สะดุดรักที่พักใจ) สร้างความโด่งดังกลายเป็นพลุแตกจนเกิดกระแส “เรนฟีเวอร์” และผลงานซีรีส์เรื่องล่าสุด “A Love to Kill” (แค้นเพื่อรัก) ที่โดนใจแฟนๆทั่วประเทศ นอกจากนี้ “เรน” ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 ของบุคคลที่มีอิทธิพลต่อโลก โดยนิตยสารไทม์ อีกด้วย

 

ภาพประกอบภาพยนต์ I’m A Cyborg But That’s OK

 

ข้อมูลจาก:http://www.popcornfor2.com

 

ดูหนังตัวอย่าง I’m a cyborg, But that is ok.OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า

I’m a cyborg, But that is ok.OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า

โพสเมื่อ วันที่ 5 April 2016 | เปิดอ่าน 840 views | หมวดหมู่ : รีวิวซีรีย์

รีวิวหนัง : I’m a cyborg, But that is ok.OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า

I’m a cyborg, But that is ok.

OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า “ร้าก”

 

*…เรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นในโรงยาบาลโรคจิต…เมื่อทั้งสองคนมาพบกัน…*
เรน : ชายหนุ่มที่เป็นโรคขี้ขโมยและต่อต้านสังคม ผู้มีความเชื่อว่า เขาสามารถขโมยความสามารถของคนอื่นได้
อิมซูจอง : หญิงสาวที่คิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์ จนอยากจะเติมเชื้อเพลิงมากกว่าการกินอาหาร

 

เรื่องย่อ

“ปาร์ค อิล-ซุน”(เรน) : ชายรูปร่างสูงใหญ่คล้ายนายแบบ มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์แต่กลับพักอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต สมัยเด็กเขาถูกเลี้ยงมาด้วยความโหดร้ายทารุณ ดังนั้นพอเขาประสบปัญหาที่แก้ไม่ได้ เขาก็จะสวมหน้ากากเพื่อไม่ให้ใครหาเขาพบ แต่สิ่งที่ อิล-ซุน ชอบทำมากที่สุดก็คือการสังเกตคนอื่น เขาคิดว่าตัวเอง มีความสามารถพิเศษในการขโมยนิสัย บุคลิก อารมณ์ ความสามารถ หรือแม้กระทั้งความรู้สึกได้ เขาจะขโมยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาจะคิดได้ และแล้ววันหนึ่ง  เขาก็ได้พบกับเด็กผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ชื่อว่า ชา ยอง-กุน ผู้ซึ่งมีทรงผมกระเซอะกระเซิง ตากลมโต ตัวเล็ก แล้วเธอคนนี้นี่แหละ…เป้าหมายใหม่ของอิล-ซุน

“ชา ยอง-กุน”(อิมซูจอง) : ชอบสะพายกระเป๋าใบใหญ่ ซึ่งข้างในเต็มไปด้วยเม้าท์คอมพิวเตอร์ วิทยุ ฟันปลอม นอกจากนี้ยังมีกล่องอาหารด้วย แต่ อิล-ซุน ก็พบว่า เธอไม่เคยกินข้าวเลย และในกล่องอาหารมีแต่แบตเตอรี่ ยอง-กุน กระซิบบอก อิล-ซุน ว่าความจริงแล้วเธอเป็นหุ่นยนต์ ถ้ากินอะไรเข้าไปแล้ว จะทำให้เครื่องเสียทันที จากนั้น…ทั้งสองคนก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
* แต่แล้ววันหนึ่ง อิล-ซุน ไม่ได้ทานอาหารจนร่างกายซูบเซียวถึงขั้นอันตราย อิล-ซุน จึงสาบานว่าเขาจะต้องซ่อมหุ่นยนต์แฟนสาวให้หายให้ได้… เขาจะสามารถทำได้มั้ย และเรื่องราวของเขาและเธอจะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ ในภาพยนตร์ “I’m a cyborg, But that is ok.” OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า “ร้าก”

 

“เรน” เจ้าชายกระต่ายน้อย & “อิมซูจอง” เจ้าหญิงสติหลุด
การเปลี่ยนแปลงบทของ “อิมซูจอง” และความท้าทายของ “ชองจีฮุน”
“อิมซูจอง” และ “ชองจีฮุน” ได้สร้างความสด และการเปลี่ยนแปลง เพื่อบทบาทอันน่าทึ่ง ทั้งหน้าตา วิธีการพูด การแสดงออกทางสีหน้า การแสดงอารมณ์ และอื่นๆ “อิมซูจอง” รับบท Young-goon ตัวละครที่ไม่เหมือนใครที่คิดว่าตัวเธอเป็นหุ่นไซบอร์กซึ่งทำตามคำสั่งทางวิทยุ พูดคุยกับสิ่งของต่างๆ และมีกล่องอาหารกลางวันที่เต็มไปด้วยแบตเตอรี่ Young-goon เป็นหญิงกล้าแต่บริสุทธิ์ และลึกลับ ด้วยคิ้วที่เหมือนโมนาลิซ่า และทรงผมที่คล้ายกับตัวละครของ CHOI Min-shik ในเรื่อง Old Boy แม้ว่าเธอจะมีหุ่นผอมอยู่แล้ว แต่เพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่า Young-goon อดอาหารมาเป็นเวลานาน เธอต้องลดน้ำหนักอีก 5 กก. เพื่อบท เธอยังต้องแสดงถึงความทุ่มเท และจิตวิญญาณในการแสดงฉากยากๆ อย่าง ฉากฝันกลางวันของเธอ

“เรน” ทำให้โลกรู้จักเขาในฐานะนักร้อง และเปิดตัวเป็นครั้งแรกในฐานะนักแสดงภาพยนตร์ด้วยชื่อจริงของเขา “ชองจีฮุน” ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาถูกซ่อนภายใต้ชุดของโรงพยาบาล ผมของเขาดูเหมือนมีเสาอากาศมากมาย เขาเปลี่ยนไปสู่ Il-soon พวกแอนตี้สังคม และเพื่อแสดงเป็นตัวละครที่ขโมยตัวตน และทักษะพิเศษของคนอื่น เขาต้องเรียนรู้จาก SUH Yong-ryul เป็นเวลา 1 เดือนก่อนการถ่ายทำ นอกจากนั้น เขายังต้องถือไม้ตีปิงปองตลอดเวลา แม้กระทั่งช่วงตารางการบันทึกเสียงอัลบั้มใหม่ของเขา เพื่อให้ตีได้อย่างประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะได้เห็นดาว 2 ดวงถ่ายทอดในสิ่งที่พวกเขาแตกต่าง แต่กลับเป็นคู่ที่เหมาะสม

เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ …

พื้นที่โล่งกว้าง” ที่ซึ่งคนอื่นพร้อมด้วยโลกส่วนตัวของพวกเขาอยู่ร่วมกัน
“โรงพยาบาลโรคจิต” ถูกสร้างขึ้นในโรงพยาบาล

โรงงานที่ส่งเสียงหนวกหูใน Sympathy For Mr.Vengeance, คุกส่วนตัวใน Old Boy และคุกใน Sympathy For Lady Vengeance ในภาพยนตร์หลายเรื่องของผู้กำกับ ปาร์ค ซานวูค สถานที่หลายแห่งโดดเด่น เต็มไปด้วยเรื่องราว เรื่อง I’m A Cyborg But That’s OK ยังเกิดขึ้นในสถานที่พิเศษ คือ โรงพยาบาลโรคจิต โรงพยาบาลโรคจิตในภาพยนตร์ต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป และเปิดกว้างให้กับคนไข้ได้เคลื่อนไหวอย่างมีอิสระ ตัวโรงพยาบาลถูกสร้างที่ท่าเรือยอร์ชที่อ่าว Soo-young เมืองปูซาน ห้องโถงของโรงพยาบาล ห้องคนไข้หญิง ห้องคนไข้ชาย ห้องรักษาด้วยไฟฟ้า ห้องอาบน้ำ และอื่นๆ มีให้เห็นเพียงแวบเดียว ยกเว้น ห้องสันทนาการ และห้องเสถียรภาพ ตัวละครที่อยู่ในโลกส่วนตัวของพวกเขาอยู่ร่วมกันในพื้นที่อิสระแห่งนี้ ตัวโรงพยาบาลถูกทำให้เป็นโลกลึกลับเหมือนเทพนิยาย อย่างใน Alice In Wonderland โดยใช้สีขาว และโทนสีอ่อน ควบคู่ไปกับความพยายามอย่างสร้างสรรค์เพื่อถ่ายทอดโลกใหม่ I’m A Cyborg But That’s OK เชื้อเชิญผู้ชมสู่โลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เป็นครั้งแรกที่ใช้กล้องเฮชดี ไวเปอร์ ฟิล์มสตรีมในเกาหลี คอมพิวเตอร์กราฟฟิคหลากหลายเพื่อสัมผัสถึงโลกแฟนตาซี

ขณะที่โลกภาพยนตร์กำลังพยายามใช้เทคโนโลยีใหม่ต่างๆ I’m A Cyborg But That’s OK ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเฮชดี เพื่อผลิตภาพยนตร์เฮชดีด้วยต้นทุนและเวลาการสร้างต่ำ “กล้องไวเปอร์ ฟิล์มสตรีม” ถูกใช้เพื่อสร้างคุณภาพของภาพเหมือนกับกล้องภาพยนตร์ปกติ ล่าสุดกล้องชนิดนี้ถูกใช้ในหนังหลายเรื่อง เช่น หนังของเดวิด ฟินเชอร์ เรื่อง Zodiac และหนังของไมเคิล มานน์ เรื่อง Miami Vice แต่ไม่เคยใช้มาก่อนในประเทศเกาหลี ถือเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ในการใช้กล้องนี้ แต่ผู้กำกับ ปาร์ค ซานวูค มั่นใจว่าจะได้ภาพอย่างที่เขาคิดไว้ กล้องเฮชดีสามารถจับภาพได้กว้างกว่าเมื่อเทียบกับกล้องภาพยนตร์ปกติ และยังช่วยประหยัดต้นทุน แต่อาจจะทำให้คุณภาพของภาพยนตร์ลดลง ดังนั้น ทีมงานจาก Sympathy For Mr.Vengeance, Old Boy และ Sympathy For Lady Vengeance ได้เข้ามาร่วมงานเพื่อช่วยการถ่ายทำ การจัดแสงเพื่อเพิ่มคุณภาพของภาพยนตร์ให้ถึงที่สุด

ตัวละครและเนื้อเรื่องของ I’m A Cyborg But That’s OK มีหลายจุดที่เหมือนเป็นแฟนตาซี

ตัวหนังมีภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิคมากกว่าผลงานเรื่องก่อนหน้าของ ปาร์ค ซานวูค ฉากที่กระสุนพุ่งจากปลายนิ้วของ Young-goon เป็นหนึ่งในฉากที่ให้รายละเอียดสมบูรณ์แบบ และฉากที่ตัวละครหลักบินเหนือวิวเหมือนเนินเขาในสวิสถูกถ่ายทำด้วยโครม่าคีย์ แล้วเติมเมฆเข้าไปทีหลัง หลายๆ ฉากเช่น ฉาก Young-goon บินผ่านเมฆบนเตียง เชื้อเชิญให้ผู้ชมไปสู่โลกในจินตนาการด้วยภาพที่เหมือนกับในหนังสือเทพนิยาย I’m A Cyborg But That’s OK ได้ลองสไตล์ใหม่ในภาพยนตร์ ผ่านทางการใช้อุปกรณ์การถ่ายทำที่ไม่เคยใช้มาก่อนในประเทศ และการใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคต่างๆ ตัวหนังจะได้รับการบันทึกว่าเป็นหนังที่เปิดความท้าทายใหม่ ด้วยเนื้อหาและรูปแบบการสร้าง และการใช้รูปแบบใหม่ๆ

ตัวละครหลายตัวทำให้หนังพิเศษยิ่งขึ้น  โดยถ่ายทอดตัวตนที่เหมือนใครและน่าขันของพวกเขา

ภาพยนตร์เรื่องแรกของซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเอเชีย!!! และประเทศไทยถือเป็นประเทศที่สองต่อจากเกาหลีที่จัดฉาย ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง “I’M A CYBORG, BUT THAT’S OK” (แอม อะ ไซบ็อก, บัท แดท’ส โอเค)  “เรน” (Rain) หรือ “ชองจีฮุน” ประกบคู่นางเอกสุดน่ารักมากฝีมืออย่าง “อิมซูจอง” (ภาพยนตร์เรื่อง “ตู้ซ่อนผี”, “Sad Movie” และซีรีส์สุดฮิต “I’m Sorry, I love you”) และ กำกับการแสดงโดย “ปาร์ค ซานวูค” (รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส จากเรื่อง “Old Boy”)

หนุ่มเกาหลีหน้าใสปิ๊ง “เรน” หรือ “ชองจีฮุน” ที่พกเอาความสามารถมากระชากหัวใจแฟนทั่วเอเชีย เริ่มจากการคว้าตำแหน่งนักร้องซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเอเชีย!!! กับผลงานเพลงที่มีออกมาอย่างต่อเนื่องถึง 4 อัลบั้ม ตั้งแต่อัลบั้ม Bad Guy, First Drip, Rain Vol.2 และ It’s Raining พร้อมเพลงฮิตติดชาร์ทมากมายอาทิ Beside Saying Goodbye, Running Away from the sun, It’s Raining และ I do และรับประกันคุณภาพด้วยการกวาด “รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม” จากทุกสถาบันในเกาหลี …สำหรับความสามารถทางด้านการแสดง เรนฉายแววศิลปินนักแสดงด้วยการโชว์ฝีมือในผลงานละครโทรทัศน์เรื่องแรก “Sang – Doo, Let’s Go To School” (บันทึกหัวใจ…นายซางดู) ได้รับการตอบรับจากแฟนชาวเกาหลีและชาวไทยอย่างท่วมท้น… เพิ่มดีกรีความแรงด้วยซีรีส์สุดฮอตอย่าง “Full House” (สะดุดรักที่พักใจ) สร้างความโด่งดังกลายเป็นพลุแตกจนเกิดกระแส “เรนฟีเวอร์” และผลงานซีรีส์เรื่องล่าสุด “A Love to Kill” (แค้นเพื่อรัก) ที่โดนใจแฟนๆทั่วประเทศ นอกจากนี้ “เรน” ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 ของบุคคลที่มีอิทธิพลต่อโลก โดยนิตยสารไทม์ อีกด้วย

 

ภาพประกอบภาพยนต์ I’m A Cyborg But That’s OK

 

ข้อมูลจาก:http://www.popcornfor2.com

 

ดูหนังตัวอย่าง I’m a cyborg, But that is ok.OK! ถึงจะบ้า ก็บ้า