Home > รีวิวซีรีย์ > Dororo ดาบล่าพญามาร โดโรโระ

Dororo ดาบล่าพญามาร โดโรโระ

โพสเมื่อ วันที่ 1 April 2016 | เปิดอ่าน 2,367 views | หมวดหมู่ : รีวิวซีรีย์

รีวิวหนัง : Dororo ดาบล่าพญามาร โดโรโระ

Dororo ดาบล่าพญามาร โดโรโระ

“โดโรโระ” (Dororo) สุดยอดหนังแดนปลาดิบ ทุบสถิติทำเงินถล่มทลายแซงหนังฮอลลีวู้ด!! ในบ๊อกซ์ออฟฟิศญี่ปุ่น

             ก่อนจะมาเป็นภาพยนตร์ “โดโรโระ” (Dororo) สร้างจากการ์ตูนคลาสสิค เมื่อ 40 ปีก่อน รวมทั้งเป็นหนังสือการ์ตูนที่วัยรุ่นแดนปลาดิบนิยมอ่าน เป็น ผลงานการเขียนของสุดยอดนักเขียนการ์ตูน “เท็ตสึกะ โอซามุ” แถมยังถูกนำมาสร้างเป็นเกมส์เพลย์สเตชั่น ทู (Play station 2) มาแล้วด้วย

“โดโรโระ” Dororo ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดยดาราสาวหน้าใสขวัญใจวัยรุ่นชื่อดัง “โค ชิบาซากิ” (จาก Crying Out Love, In The Center of The World และ Battle Royale ) รับบทเป็น “โดโรโระ” คู่หู “ฮัคคิมารู” และหนุ่มหล่อขวัญใจสาว ๆ ตลอดกาล “ซาโตชิ ซึมาบูกิ” (จาก Nada Shou Shou และ รับบทเป็น “ฮัคคิมารู” มนุษย์ไร้อวัยวะจริง ส่วนผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ “ชิโอดะ อะกิฮิโกะ” (จาก Harmful Insect และ Moonlight Whispers) โดยได้รับเกียติจาก “ฉิงเสี่ยวตุง” ผู้กำกับฉากต่อสู้ชาวจีนมาช่วยดูแล ผลงานสร้างชื่อที่ผ่านมาของเขาคือ House of Flying Dagger, Hero และ Shalolin Soccer.


ภาพการ์ตูนฉบับ original ของเรื่อง Dororo โดโรโระ

ใครที่คิดว่าหนังที่สร้างจากการ์ตูนญี่ปุ่นน่าผิดหวัง อย่างน้อยคำวิจารณ์ในแง่บวกของหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นเครื่องมือรับประกันคุณภาพได้พอสมควร เพราะมาร์ค ซิลลิ่ง นักวิจารณ์ของ apantimes ชื่นชมหนังเรื่องนี้อย่างมาก(คะแนน4/5) ไม่ว่าจะเป็นสาระที่ว่าด้วยความเป็นมนุษย์ในร่างที่มีอายุขัยกับร่างจักรกลอย่างโดดเด่น, งานคอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่สวยงามน่าทึ่ง, การออกแบบฉากต่อสู้ของสุดยอดผู้กำกับคิวบู๊ชาวฮ่องกง เฉินเสี่ยวตง (Curse of The Golden Flower และ Hero) แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือการแสดงอันมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะ โค ชิบาซากิ ที่ดูดิบ ซุกซนจนทำให้คนลืมภาพลักษณ์นางเอกละคร และสาวโหดสุดเย็นชาใน Battle Royale ไปเลย

แน่นอนว่าพอมาเป็นภาพยนตร์บนจอเงินเพียง 2 สัปดาห์แรก “Dororo : โดโรโระ” ก็สามารถทำเงินเป็น อันดับ 1 บนบ๊อกซ์ออฟฟิศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้เปิดตัวในช่วงสัปดาห์แรก ถึง 450 ล้านเยน (3.7 ล้านเหรียญฯ) นับว่าเป็นสถิติที่สูงกว่าภาพยนตร์ทำเงินอย่าง “Nada Sou Sou” และ “Sinking of Japan” สัปดาห์ต่อมาก็ทำเงินไปถึง 1.26 พันล้านเยน (10.4 ล้านเหรียญฯ) เอาชนะภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดมาแรงอย่าง “Pursuit of Happiness”, “Mari Antoinette” และภาพยนตร์ฮ่องกง “Battle of Wits” อีกด้วย

แม้ในสัปดาห์ล่าสุดจะเจอคู่แข่งแข็งๆ หนังเพลงเข้าชิงออสการ์สูงสุดอย่าง Dreamgirls ก็ตาม แต่ผู้สร้างก็คาดการณ์ว่าในสัปดาห์หน้าหนังจะทำเงินผ่านหลัก 3 พันล้านเยนได้อย่างแน่นอน…ซึ่งทำเงินขนาดนี้ ก็กลายเป็นธรรมเนียมของหนังญี่ปุ่นไปเสียแล้วที่จะต้องสร้างภาคต่อเก็บเงินคนดูอีกระลอก

          ทาคาชิ โฮชิโน่ โปรดิวเซอร์ของหนังกล่าวว่าเขามีแผนจะทำหนังเรื่องนี้เป็นไตรภาคไม่ต่างกับ The Lords of The Rings เวอร์ชั่นญี่ปุ่นเลยทีเดียว ขณะที่ภาคแรกใช้งบประมาณไปถึง 2 พันล้านเยน ถ่ายทำในประเทศนิวซีแลนด์ ในภาค 2 และภาค 3 จะใช้งบสูงขึ้นอีกถึง 6 พันล้านเยน สำหรับฉากสงคราม

          เนื่องจากติดตารางการถ่ายทำของดารา หนังจึงเตรียมจะถ่ายทำในปีหน้า มีกำหนดฉาย(ซึ่งยังไม่มีอะไรแน่นอน)ในปี 2009 และมีแผนจะจัดจำหน่ายในต่างประเทศอีกด้วย โดยทางผู้จัดจำหน่ายค่ายยูนิเวอร์แซล ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในผู้ออกทุนให้กับการสร้างหนัง หวังจะฉายหนังภาคต่อเรื่องนี้ในอเมริกาเปิดตัวพร้อมญี่ปุ่นเลยทีเดียว

เรื่องย่อ ..

เรื่องราวเกิดขึ้นในญี่ปุ่นยุค เซ็นโกคุ หรือในยุคสงครามระหว่างแคว้น ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ 48 ตน หรือที่รู้จักกันในชื่อ มาจินส์ (เทพปีศาจ) สัมผัสได้ว่าเวลาแห่งการกำเนิดของมนุษย์ผู้ทรงด้วยฤทธานุภาพ ซึ่งเมื่อเติบใหญ่ขึ้นจะกลายเป็นผู้กุมชัยชนะเหนือเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งปวงได้เคลื่อนคล้อยใกล้เข้ามาทุกขณะ

เหล่ามาจินส์ทั้ง 48 จึงได้ทำข้อตกลงกับซามูไรที่ชื่อ คาเงะมิตสึ ไดโกะ ผู้เป็นบิดาของมนุษย์ผู้นั้นซึ่งยังมิได้ถือกำเนิดขึ้นมา โดย คาเงะมิตสึ ได้ใช้ 48 อวัยวะสำคัญของร่างกายของลูกชายที่ยังมิได้ถือกำเนิดของเขาคนนี้ไว้เป็นสิ่งค้ำประกันกับพวกปีศาจ โดยสิ่งตอบแทนที่เขาได้รับคือคำมั่นจากเหล่ามาจินส์ว่าเขาจะไม่พ่ายแพ้แก่ผู้ใดไม่ว่าจะเป็นการรบที่ไหนก็ตามและเขาจึงได้กลายเป็นเทพคุ้มครองของทั่วอาณาจักรญี่ปุ่น แต่โดยความเป็นจริงแล้ว เด็กน้อยผู้นั้นได้ถือกำเนิดขึ้นมาทั้งนี้โดยปราศจากอวัยวะสำคัญของร่างกายทั้ง 48 ส่วน คาเงะมิตสึ นำทารกน้อยใส่ตะกร้าแล้วปล่อยลอยไปตามแม่น้ำ

เป็นโชคดีของเด็กน้อยที่เขาได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์ผู้มีนามว่า จูไค เด็กน้อยที่ถูกเก็บมาได้รับการขนานนามจาก จูไค ว่า ฮัคคิมารุ (เด็กชายยักษ์ร้อยตน) จูไคผู้ปราดเปรื่องได้ทำการคิดค้นเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะเทียมได้อย่างยอดเยี่ยมเอาไว้มากมายในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เด็กน้อย ฮัคคิมารุ ดำเนินชีวิตได้อย่างคนปกติทั่วไป และฮัคคิมารุยังมีพลังเหนือธรรมชาติหลายประการทำให้เขาสามารถมองเห็น พูดคุย ได้ยินทั้งที่ไม่มีตา ปาก หรือ หู

เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ฮัคคิมารุ (ซาโตชิ ทซึมาบุกิ) ได้ออกเดินทางเพื่อกำจัด มาจินส์ ทั้ง 48 เพื่อนำเอาร่างกายของเขากลับคืนมา หลังจากเดินทางได้ไม่นานเขาก็ได้เพื่อนร่วมทางเป็นเด็กน้อยผู้มีความสามารถเกินวัย เป็น หัวขโมยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นั่นคือ โดโรโระ (โค ชิบาซากิ) ทั้ง ฮัคคิมารุ และ โดโรโระ เดินทางไปทั่วอาณาจักรญี่ปุ่น ช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกกดขี่และต่อสู้กับเหล่าปีศาจโดยมีความหวังว่าวันหนึ่ง ฮัคคิมารุจะได้ร่างกายทั้งหมดคืนกลับมาจาก มาจินส์ ทั้ง 48 ตน

ข้อมูลจาก : www.popcornmag.com, www.jkdramas.com และ www.pop-u.com

โปสเตอร์ ภาพยนตร์ Dororo โดโรโระ

โปสเตอร์ ภาพยนตร์ Dororo โดโรโระ

 

นักแสดง Dororo  โดโรโระ
ชื่อ Kou Shibasaki
แสดงเป็น โดโรโระ
ชื่อจริง Yukie Yamamura
วันเกิด 5 สิงหาคม ค.ศ. 1981
บ้านเกิด กรุงโตเกียว
ส่วนสูง 160 เซนติเมตร
กรุ๊ปเลือด บี
ชื่อ Satoshi Tsumabuki
แสดงเป็น ฮัคคิมารู
วันเกิด 13 ธันวาคม ค.ศ. 1980
สถานที่เกิด ฟุกุโอะกะ
กรุ๊ปเลือด โอ
ส่วนสูง 171 เซนติเมตร
น้ำหนัก 55 กิโลกรัม

 

 

 

ดูหนังตัวอย่าง Dororo ดาบล่าพญามาร โดโรโระ

  • ข่าวที่น่าสนใจ
  • ข่าวที่เกี่ยวข้อง