เมื่อพูดถึงภาพยนตร์ นอกจากจะมอบความบันเทิงให้กับเราได้แล้วยังมอบความรู้สึกหลายๆ อย่างเช่น การที่เราดูหนังที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว มันก็จะทำให้รู้สึกว่าอยากไปเที่ยวในที่นั้นๆ หรือการที่เราดูหนังเกี่ยวกับความรักเราก็จะรู้สึกมีความสุข , เช่นกันกับในวันนี้ HOLLYWOOD HDTV ขอนำเสนอ ’10 หนังรับประกันความฟิน ที่ดูแล้วต้องอยากกินตามหนัง’ ซึ่งเป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวการทำอาหารประเภทต่างๆ โดยทุกเรื่องที่ถูกคัดสรรมานั้นจะต้องทำให้คุณรู้สึกฟิน และถ้าดูแล้วหิว อยากตามไปกินแบบในหนังทางเราก็ไม่พลาดที่จะรวบรวมลายแทงร้านอร่อยไว้ให้ผู้ชมได้ตามไปกินอย่างแน่นอน โดยความพิเศษในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากสอง Food Blogger ชื่อดังทั้ง AMENOCHIKARA และ EAT LEK LEK ที่จะมาพาคุณไปกินตามหนังกันจนอิ่มจุใจ เรียกได้ว่าครบทุกประสบการณ์ทั้ง อิ่ม ทั้ง ฟิน ทั้ง อยากไปกินตามหนัง อย่างแน่นอน
กินตามหนังเรื่อง Jiro Dreams Of Sushi
แนะนำโดย AMENOCHIKARA
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Jiro Dreams Of Sushi เพียงได้ยินชื่อก็คงเป็นที่รู้จักกันดีกับสารคดีอาหารแห่ง เทพเจ้าซูชิ ของ คุณตาจิโระ ซึ่งวันนี้ AMENOCHIKARA Food Blogger ชื่อดังจะมาแนะนำให้กินตามหนังกันได้อย่างไรให้ถึงรสชาติแห่งความอร่อยอย่างแท้จริงไปร่วมติดตามกันครับ
Omakase เป็นการนำเสนอวัตถุดิบต่างๆโดยคำนึงถึงฤดูกาล วัตถุดิบที่เชฟเลือกนำมาใช้ในแต่ละฤดูจะแตกต่างกันไป ทั้งนี้เพราะปลาและอาหารทะเลแต่ละชนิดจะมีช่วงเวลาที่อร่อยที่สุดในหนึ่งปีไม่เหมือนกัน เช่น ปลาแซลมอนและไข่ปลาแซลมอนจะอร่อยที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะเป็นฤดูวางไข่ทำให้ปลาสะสมอาหารไว้มากจนเนื้อปลามีไขมันชุ่มฉ่ำ
ร้านซูชิส่วนใหญ่จะมีการบรรจุคอร์สหลากหลายรวมไปถึง Omakase เอาไว้ในเมนูให้ลูกค้าได้เลือกสรร โดย Omakase มักจะเป็นคอร์สที่ราคาสูงสุดในร้าน ในขณะที่ร้าน Sukiyabashi Jiro มีคอร์ส Omakase เพียงคอร์สเดียวโดยไม่มีตัวเลือกอื่น เพราะเป็นสิ่งที่เชฟต้องการนำเสนอจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะบังคับให้กินของที่ทานไม่ได้ เพราะก่อนทานทางร้านจะอธิบายชนิดของปลาที่อยู่ในคอร์สของวันนั้นๆก่อนเสมอและสอบถามลูกค้าก่อนด้วยว่ามีอะไรทีทานไม่ได้ไหม ถ้าทานไม่ได้จริงๆก็จะปรับเปลี่ยนให้
ร้านซูชิที่พิถีพิถันในการปรุงถึงระดับนี้ เชฟจะเอาแปรงทาโชวยุบางๆบนหน้าซูชิก่อนเสิร์ฟ ซึ่งมักจะเลือกใช้โชวยุชนิดและปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละคำมาแล้ว แนะนำว่าควรทานโดยไม่จิ้มโชวยุเพิ่ม และควรทานทันทีหลังจากที่เชฟเสิร์ฟให้ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน
Omakase ของร้าน Sukiyabashi Jiro อยู่ที่ราวๆ 3หมื่นเยน อาจมีเพิ่มลดราคาเล็กน้อยตามแต่ชนิดปลาในมื้อนั้นๆ
ในกทม.มีร้านซูชิแบบ authentic หลายร้าน หนึ่งในนั้นคือร้าน Ginza Sushi Ichi ที่ชั้น lower lobby ของโรงแรมเอราวัณ เป็นร้านที่มีสาขาแม่อยู่ที่ย่าน Ginza เมืองโตเกียว ซึ่งจัดเป็นแหล่งรวมตัวของร้านซูชิแบบ premium (ร้านของปู่จิโร่ก็อยู่ในย่านนี้นะครับ) สนนราคา Omakase มื้อกลางวันอยู่ที่ 4,000บาท และ 10,000บาทสำหรับมื้อเย็น ทางร้านมีคอร์สที่ราคาย่อมเยากว่านี้ด้วยนะครับ (lunch 1400-4000B / dinner 4000-10,000B) แต่จะไม่ใช่ Omakase เท่านั้นเอง
กินตามหนังเรื่อง Chef
แนะนำโดย AMENOCHIKARA
เป็นวิถีแห่งประสบการณ์ใหม่กับครัวเคลื่อนที่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนจะอยู่ที่ใดก็สามารถรับประทานความอร่อยได้ตลอดเวลา ภาพยนตร์อาหารเรื่อง Chef ที่มีรูปแบบและวัฒธรรมที่รู้จักกันดีว่า FoodTruck ความอร่อยของครัวเคลื่อนที่แบบนี้จะเป็นเช่นไรมาร่วมติดตามกันได้เลยครับ
รถตู้ติดตั้งครัวปรุงอาหารแบบ Food Truck ที่เราเห็นกันนี้เริ่มมีขึ้นในอเมริกายุค 1950 โดยจุดเริ่มแรกเป็นรถขายอาหารจำพวกที่กินได้รวดเร็วและราคาย่อมเยา เช่น แซนวิช หรือ แฮมเบอร์เกอร์ มีภาพลักษณ์ว่ากลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน จึงสามารถพบเห็นรถขายอาหารแบบ Food Truck นี้ได้ใกล้ๆ โรงงานหรือไซท์ก่อสร้าง จนช่วงหลังจากปี 2000 เริ่มมีกระแสความนิยมในบรรยากาศเก่าๆที่สามารถสัมผัสได้จากรถขายอาหารจำพวกนี้ จึงเป็นที่สนใจและมีความหลากหลายมากขึ้นจนมีอาหารหลากหลายรูปแบบ และไม่ยึดติดกับความถูกและง่ายอีกต่อไป กลายมาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของร้านอาหารที่นำเสนออาหารอร่อยที่ราคาจับต้องได้ง่ายสำหรับมหาชนแทน
อันที่จริงบ้านเรามีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมการทานอาหารข้างทางอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นก่วยเตี๋ยว ส้มตำ หรือร้านอาหารรถเข็นอื่นๆ ภัตาคารอร่อยชื่อดังที่สร้างตัวมาจากร้านรถเข็นข้างถนนก็มีเยอะ จึงรับวัฒนธรรมในส่วนนี้ได้ง่าย
เมื่อพูดถึง Food Truck ในบ้านเรา คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะกล่าวถึง Daniel Thaiger หนึ่งในผู้ริเริ่มและประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการFood Truck บ้านเรา โดยร้านนี้เคยจอดรถบรรทุกขายแฮมเบอร์เกอร์อยู่ในซอยสุขุมวิท 38 ซึ่งนับว่าเป็น location ที่เหมาะเจาะ เพราะซอยนี้เป็นแหล่งรวม street food อร่อยๆมากมาย มีลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติแวะเวียนเข้าไปทานอาหารเยอะอยู่แล้ว ร้าน Daniel Thaiger ได้รับเสียงตอบรับอันดีเพราะแฮมเบอร์เกอร์ที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี อย่างขนมปังจากร้าน conkey’s เนื้อวัวบดปรุงสดใหม่ชิ้นต่อชิ้น จนกลายเป็นร้านดังมีคนต่อคิวทานไม่ขายสาย ตอนนี้ร้านย้ายไปอยู่ในสุขุมวิท 23 แทน เพราะตลาดโต้รุ่งในซอยสุขุมวิท38 กำลังจะปิดตัวลงในไม่ช้า
Michelin Star
ภาพยนตร์คอเมดี้ที่ว่าด้วยเรื่องราวของภัตตาคารอาหารอินเดียที่ย้ายถิ่นฐานจากบ้านเกิดมายังฝรั่งเศส ต้องมาฟาดฟันกัน (แบบน่ารัก) กับภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสระดับ Michelin Star ที่เปิดอยู่ตรงข้ามกันและห่างกันเพียง 100 ฟุต ความวุ่นวายและความรักจึงเกิดขึ้น / นี่เป็นหนังที่พูดถึงวัฒนธรรมอาหารที่แตกต่างกันจาก 2 ทวีปที่ต้องมาผสมผสานกันผ่านความรักของสองเชฟจากสองร้านที่อยู่ตรงข้ามกัน , เมนูเด็ดของเรื่องนี้จะทำให้คุณรู้สึกหิวจนท้องร้องอย่างแน่นอน แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่เมนูนี้ที่น่ากินเท่านั้น แต่จะได้รับรสชาติแห่งความอร่อยและความน่ารักกรุ๊งกริ๊งของภาพยนตร์เรื่องนี้ บอกได้คำเดียวว่าเป็นหนังปรุงอาหารที่ครบทุกรสชาติอย่างแท้จริง หากต้องการรับชมรสชาติแห่งความอร่อยนี้สามารถรับชมได้ที่นี้เลยครับ คลิก
กินตามหนังเรื่อง The Hundred-Foot Journey
แนะนำโดย AMENOCHIKARA
Michelin Star เป็นการให้คะแนนร้านอาหารของหนังสือ Michelin Guide ที่จัดทำโดยบริษัทยางรถยนต์ Michelin โดยในช่วงแรกเป็นหนังสือคู่มือแนะนำข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการเดินทาง เช่น แผนที่ แหล่งท่องเที่ยว ที่พัก และร้านอาหาร ปัจจุบัน Michelin Guide ได้รับการยิมรับในวงกว้างว่าเป็นหนังสือแนะนำร้านอาหารที่ทรงอิทธิพล และมีปริมาณเนื้อหาค่อนข้างมาก จึงแยกเนื้อหาส่วนของที่พักและร้านอาหารออกมาเป็น The Red Guide และยกเนื้อหาส่วนอื่นๆไปรวมอยู่ใน The Green Guide มีการupdateข้อมูลทุกปี เริ่มแรก Michelin Guide มีเฉพาะฉบับที่แนะนำข้อมูลภายในประเทศฝรั่งเศส จากนั้นค่อยๆขยับขยาย scale คือ มีการจัดพิมพ์เล่มอื่นที่นำเสนอเนื้อหาของประเทศอื่นๆด้วย โดย Michelin Guide แต่ละเล่มจะนำเสนอข้อมูลของประเทศหรือเมืองใดเมืองหนึ่งเท่านั้นจนตอนนี้ Michelin Guide มีเนื้อหาครอบคลุมถึง 23 ประเทศแล้ว
Michelin Star ทั้ง The Red Guide และ The Green Guide ใช้ระบบการให้คะแนนแบบเดียวกัน คือ ดาว 1 – 3 ดวง โดยในกรณีของร้านอาหารมีความหมายดังนี้
☆ ดาว 1 ดวง – โดดเด่นเมื่อเทียบกับร้านอาหารที่อื่นในประเภทเดียวกัน
☆☆ ดาว 2 ดวง – ยอดเยี่ยมคุ้มค่าแก่การแวะไปทานเมื่ออยู่ในละแวกนั้น
☆☆☆ ดาว 3 ดวง – ยอดเยี่ยมคุ้มค่าแก่การเดินทางเพื่อไปทานอาหรทีร้านนี้โดยเฉพาะ
โดยดาวเหล่านี้เป็นสิ่งที่มอบให้แก่ร้านอาหาร ไม่ได้ให้แก่ตัวเชฟ ดังนั้นถ้าเชฟคนเดียวกันไปเปิดร้านใหม่ก็จะมีการให้คะแนนตัดสินร้านนั้นๆใหม่อีกครั้งด้วย
ในกทม.ยังไม่มีการให้คะแนนร้านอาหารจาก Michelin แต่ถ้าพูดถึงเรื่องดาว Michelin แล้วมีร้านหนึ่งที่ไม่ควรละเลยคือ ร้านของ Joël Robuchon เชฟชาวฝรั่งเศสผู้เปิดร้านอาหาร fine dining มาแล้วทั่วโลก ร้านอาหารของเชฟ Joël ล้วนได้รับดาว Michelin จนปัจจุบันเชฟ Joël มีดาว Michelin ประดับเกียรติยศในประวัติของตนสิริรวมทั้งหมด 25 ดาว ในกรุงเทพฯก็มีร้านของเชฟ Joël ชื่อว่า L’Atelier de Joël Robuchon อยู่ในตึก MahaNakhon CUBE ด้วย ถ้ามีการจัดอันดับของ Michelin ในกทม.ขึ้นมาร้านนี้ก็นับว่าเป็นหนึ่งในตัวเต็ง
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไทยชื่อ Nahm ของ Chef David Thompson ในลอนดอนที่ได้รับ 1 ดาวจาก Michelin จากนั้นเชฟเดวิดได้มาเปิด Nahm สาขา2 ในโรงแรม Metropolitan ถนนสาทร กรุงเทพฯ โดยร้าน Nahm สาขาลอนดอนเป็นร้านอาหารไทยร้านแรกของโลกที่ได้รับดาว Michelin ถ้ามีการจัดอันดับของ Michelin ในกทม.ขึ้นมา Nahm สาขากรุงเทพนี้ก็น่าจะนับว่าเป็นหนึ่งในตัวเต็งเช่นกัน
แล้วยังมีร้าน Gaggan ที่เป็นร้านอาหาร molecular ของเชฟชาวอินเดียที่อยู่ในซอยหลังสวน ร้านนี้ตัวเชฟไม่ได้เคยเปิดร้านอาหารที่ได้ดาว Michelin มาก่อน แต่ได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อและนักวิจารณ์อาหาร ที่สอดผสานเอกลักษณ์ของอาหารอินเดียเข้ากับอาหารสมัยใหม่อย่าง molecular ได้อย่างลงตัว จัดว่าน่าจับตามมองเช่นกันหาก Michelinจะประเมินร้านอาหารในกทม.จริง ร้าน Gaggan ก็น่าจะติดโผได้ไม่ยาก
กินตามหนังเรื่อง แดจังกึม
แนะนำโดย AMENOCHIKARA
นับแต่ซีรีส์ แดจังกึม ได้ก่อกระแสความตื่นตัวเกี่ยวกับอาหารเกาหลีในบ้านเรา อาหารประจำชาติหลายจานกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยช่วงเดียวกับที่ซีรีส์เรื่องแดจังกึมออกฉาย ร้านอาหารที่ได้รับการกล่าวถึงและมีคนแวะไปลิ้มลองเห็นจะเป็นร้านอาหารเกาหลีต้นตำรับแท้ๆ ที่อยู่ในสุขุมวิทพลาซ่า หรือที่เรียกกันว่า Korean Town (อยู่ระหว่างสุขุมวิท 12 – สุขุมวิท 14) ในพลาซ่ามีร้านอาหารเกาหลีที่ดำเนินกิจการโดยชาวเกาหลีรวมกันอยู่หลายร้าน รวมไปถึงร้านดังๆ อย่าง ร้านDoorae และ Kaborae ที่อยู่ชั้น 1 ของสุขุมวิทพลาซ่า
ต่อมาได้มีร้านอาหารเกาหลี แบบประยุกต์ตามมาเปิดตัวในบ้านเรา เช่น ร้านไก่ทอดสไตล์เกาหลีที่สาขาแม่อยู่อเมริกาอย่าง Bon Chon Chicken ที่ตอนนี้กลายเป็นร้านระดับมหาชนหาทานได้ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ หรือร้านอาหารเกาหลีใหม่ๆที่ได้รับการเกื้อหนุนจาก back ground ในวงการบันเทิงของเจ้าของร้านอย่างร้านไก่ทอดเกาหลี Kyochon ที่เพิ่งเปิดในสุขุมวิทพลาซ่าได้ไม่นาน หรือ School Food (Siam Center / Mercury Ville ) เข้ามาเพิ่มความหลากหลายในวงการอาหารเกาหลีในกทม.อย่างคึกคัก ด้วยรสจัดจ้านถูกปากคนไทยและสีสันที่งดงามอันเป็นสเนห์ของอาหารเกาหลีทำให้วัฒนธรรมการกินอาหารเกาหลีเติบโตอย่างรวดเร็วในบ้านเรา
กินตามหนังเรื่อง Ratatouille
แนะนำโดย AMENOCHIKARA
Ratatouille เป็นสตูว์ผักที่มีต้นกำเนิดในแคว้น Provence ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ประกอบด้วยมะเขือเทศ มะเมือม่วง พริกหวาน หัวหอมใหญ่ และซุคคินี ปรุงโดยการผัดผักแล้วอบหรือเคี่ยวในหม้อจนผักนิ่มหวาน แต่งกลิ่นและรสด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น Fennel และใบกระวาน
ด้วยความที่ตัว Ratatouille เป็นอาหารที่เรียบง่าย ปัจจุบันจึงไม่ค่อยมีร้านอาหารไหนเสิร์ฟเฉพาะ Ratatouille เป็นตัวหลัก แต่เรามักจะได้เห็น Ratatouille ปรากฏโฉมในร้านอาหารในรูปแบบของ side dish แทน หรือบางร้านก็เอาไปทำเป็นไส้ในของไข่ออมเลตก็มี ในกทม.ก็มีร้านอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมที่รสชาติอร่อย ราคาไม่แพงชื่อว่า Indigo อยู่ในซอยคอนแวนท์ ที่เสิร์ฟ Ratatouille เป็นเครื่องเคียงเมื่อเราสั่งปลา Sea Bass อบ ถึงจะเรียกว่าเป็นเครื่องเคียงแต่เค้าเสิร์ฟ Ratatouille แยกมาต่างหากในหม้ออบก้นลึกมาทั้งหม้อแบบอลังการมาก ที่สำคัญคือ อร่อยด้วยครับ
กินตามหนังเรื่อง Charlie and The Chocolate Factory
แนะนำโดย AMENOCHIKARA
น่าเสียดายที่ไม่มีโรงงานช็อกโกแลตในประเทศไทยที่เปิดให้คนเช้าชมเหมือนดั่งในภาพยนตร์ ตัวอย่างแบรนด์ช๊อกโกแลตที่มีชื่อเสียงระดับโลกและเปิดให้คนเช้าชมได้ เช่น Côte D’or Belgium ที่เปิดโรงงานชีอกโกแลตในรูปแบบพิพิธภัณฑ์บรรยากาศย้อนยุคชื่อว่า Museum Temple of Chocolate ให้คนได้เข้าชม หรือ Theo Chocolates ผู้ผลิตช็อกโกแลตออร์แกนิคชื่อดังจาก Seattle ที่เปิดทัวร์ให้ชมโรงงานช็อกโกแลตเช่นกัน
ถ้าไม่อยากไปไกล ในญี่ปุ่นเองก็มีโรงงานชอกโกแลตที่เปิดให้เข้าชม นั่นคือ Shiroi Koibito Park ของผู้ผลิตขนมคุกกี้ไส้ชอกโกแลตสุดฮิต Shiroi Koibito ในจังหวังฮอกไกโดนั่นเอง นอกจากทัวร์โรงงานชอกโกแลตแล้วที่โซนร้านขนมของShiroi Koibito Park ยังมีบุฟเฟ่ต์เค้กอันเป็นหนึ่งในที่หมายตาของนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ในกทม.เองก็มีบุฟเฟ่ต์ชอกโกแลต ในโรงแรมสุโขทัย ห้อง Lobby Salon โดยสนนราคาอยู่ที่ 900บาท++ มีเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ช่วงเวลา 14:00-17:00น.เท่านั้น
หรือถ้าไม่อยาก ทานเป็นบุฟเฟ่ต์ ขอแนะนำร้านขนมสไตล์ฝรั่งเศสชื้อ Paris Mikki อยู่ในซอยสุขุมวิท19 ร้านนี้ใช้ช็อกโกแลตแบบ Dutch ที่มีรสเข้มข้นมาทำขนม โดยใช้ชื่อ serie ของขนมตระกูลชอกโกแลตว่า ‘Phillip’ พ่วงท้ายนด้วยมหายเลขต่างๆ เช่น เค้กกานาชชอกโกแลตใช้ชื่อว่า Phillip 70 หรือแบบที่ผสมถั่วเอเซลนัทใช้ชื่อว่า Phillip 72 ส่วนเค้กชอกโกแลตสลับชั้นกับราสเบอร์รีและถั่วพิสตาชิโอใช้ชื่อว่า Phillip 85
นอกจากนี้ยังขอแนะนำ เครื่องดื่มจากช็อกโกแลตระดับพรีเมียม คือ Hot Chocolate ของร้าน Amatssimo (มีสาขาที่ EmQuatier ,ท่ามหาราช และ หลัง Paradise Park ) ที่ใช้ช็อกโกแลตฝรั่งเศสชั้นดีอย่าง Valrhona Chocolate ถึง 5 ชนิดมา blend ผสมกันจนได้รสชาติที่เข้มข้นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครผสมกับ steamed milk ร้อนๆที่มีฟองนมเนียนนุ่ม
กินตามหนังเรื่อง Cloudy with a Chance of Meatballs
แนะนำโดย AMENOCHIKARA
ภาพยนตร์การ์ตูนอารมณ์ดีที่จะพาคุณไปพบกับเมนูอาหารต่างๆ ที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ลองมาติดตามดูกันครับว่าจะมีเมนูใดในเรื่องนี้ที่น่าสนใจกันบ้าง
เป็นอาหารอเมริกันที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารอิตาเลียน แม้ว่าที่อิตาลีต้นตำรับจะไม่มีเมนูนี้ก็ตามเพราะ Meatball เป็นเมนูที่ชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียนคิดค้นขึ้นมาในอเมริกา ปัจจุบันเป็นเมนูที่คุ้นเคยของมหาชน จัดว่าเป็น comfort food จานหนึ่งที่อยู่คู่กับก็ว่าได้ โดยเมนูนี้ทำจากเนื้อวัวบดผสม ไข่ เกล็ดขนมปังและสมุนไพร ทอดในกระทะจนด้านนอกเกรียมสวยแล้วจึงนำไปอบต่อจนสุก มักนำไปต้มในซอสมะเขือเทศแล้วเสิร์ฟพร้อมสปาเกตตีหรือพิซซ่า นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำไส้แซนวิชหรือแฮมเบอร์เกอร์ได้อีกด้วย
แนะนำของ Meatball pasta ของร้าน CHOMP (ซอยสามเสน1) ที่เสิร์ฟ Meatball ลูกโตกว่าลูกกอล์ฟ เนื้อนุ่มและฉ่ำ หอมกลิ่นสมุนไพร มาพร้อมเส้นพาสตาที่ลวกมาแบบหนึบๆกำลังดี หรือ สำหรับคนที่ชอบไปงาน farmer market อย่าง Epicurean Market ที่ Spring & Summer สามารถหาทาน meat ball อร่อยๆได้ที่ร้าน Conkey’s ที่เป็นร้าน artisanal bread แต่มี Meatball เป็นเมนูเด็ดเวลามาออกบูธตามงาน farmer market
กินตามหนังเรื่อง Julie & Julia
แนะนำโดย Eat Lek Lek
อร่อยเต็มอิ่มกับภาพยนตร์ Julie & Julia กันไปแล้ว ตอนนี้ลองมากินตามหนังกันดูครับว่าจะเสน่ห์จากอาหารฝรั่งเศษนั้นจะมีรสชาติวิเศษกันเพียงใด โดย Eat Lek Lek ขออาสาพาทำความรู้จักกับเมนูอาหารต่างๆ กันได้เลย
เล็กว่าเสน่ห์ของอาหารฝรั่งเศสคือความพิถีพิถันในการปรุงและการจัดจาน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงในส่วนของเนื้อ ผัก และตัวซอส แต่ละส่วนมีดีเทลมาก เล็กชอบที่เค้าเสริฟมาปริมาณน้อยๆแต่เน้นคุณภาพ นำเสนอได้สวยงาม แค่เห็นก็ตะลึงจนบางทีเล็กไม่กล้ากินเลย แค่ได้ถ่ายรูปก็ดีใจแล้ว
ในกรุงเทพเล็กว่ามีร้านอาหารฝรั่งเศสที่เล็กชอบเยอะมากเลย ที่แนะนำหลักๆคงจะเป็นร้าน Philippe ชื่อดังย่านสุขุมวิท 39 ร้านนี้จะเน้นอาหารฝรั่งเศสแบบพิถีพิถัน คุณภาพดี รสชาติทำได้ดีมาก เมนูที่แนะนำคือ lobster bisque หรือซุปข้นกุ้ง เมนูซีฟู้ดต่างๆเค้าก็ใช้วัตถุดิบสด ขนาดใหญ่ ทีเด็ดอยู่ที่ซอสทำได้ลงตัว และที่พลาดไม่ได้คือของหวานอย่าง Strawberry Millefeuille ตัวแป้งพัฟทำได้บางกรอบ กินคู่กับครีมคัสตาร์ทและไอศกรีมและสตอเบอรี่สด ประทับใจมากค่ะ
และหากใครอยากเน้นเป็น Sunday Brunch แบบบุปเฟ่ต์แต่เน้นคุณภาพ ทำแบบจานต่อจาน เล็กขอแนะนำให้ไปห้อง La Vie โรงแรม VIE เลยค่ะ มีเมนูให้เลือกเยอะมากเช่น ซุปทรัฟเฟิล ลาวิโอลี่ซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิล ฟรัวการ์ และของหวานอย่าง ช็อกโกแลตฟองดองต์ และครีมบูเร่ เรียกว่าไปครั้งเดียวได้กินครบอย่างเลย
กินตามหนังเรื่อง The Lunchbox
แนะนำโดย Eat Lek Lek
อิ่มจากภาพยนตร์ที่แสนอบอุ่นและโรแมนติกจาก The Lunchbox กันไปแล้ว ที่นี่ลองมาดูกันว่าความอร่อยจากหนังที่ส่งตรงมาเป็นเมนูให้เราตามไปกินนั้นมีอะไรบ้าง ว่าแล้วก็ตามไปดูกันได้เลย
หัวใจหลักของอาหารอินเดียคงหนีไม่พ้นเครื่องเทศ ที่ใช้ทั้งในการหมักเนื้อสัตว์และใส่ในแกงหลากหลาย ดังนั้นเครื่องเทศที่นำมาใช้ ต้องสดใหม่ นอกจากจะให้ทั้งรสเผ็ดร้อนเข้มข้นแล้ว ยังให้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ด้วย
เมนูทานเล่นเช่น samosa
Tandoori chicken หรือไก่หมักเครื่องเทศที่นำไปย่างในเตาโอ่งดินเผา Tandoor,
Chicken Biryani หรือข้าวหมกไก่
Butter Chicken แกงไก่อินเดียที่ใส่เนย ครีม และโยเกิร์ตเข้าไปด้วย เพิ่มความมัน กินคู่กับแป้งนาน
เชื่อมั้ยว่าเล็กชอบอาหารอินเดียใน Food Loft ที่เซ็นทรัลชิดลมมาก เมนู Butter Chicken กับแป้งนานที่นั่นทำได้ถูกปากมาก ถ้าเน้นสะดวกและอร่อยเล็กว่าที่นั่นดีเลยอ่ะ แต่ถ้าพูดถึงร้านที่ประทับใจ เล็กอยากให้ลองไปร้าน Gaggan ที่ซอยหลังสวน ถนน เพลินจิต ดูค่ะ โด่งดังเรื่องอาหารอินเดียแนว progressiveเค้าจะเน้นเสริฟเป็นแบบtasting menu มีการนำเสนอที่ตื่นเต้น จำได้เลยตอนนั้นได้ลองYoghurt Chaat คือเป็นโยเกิร์ตที่มีน้ำหุ้มอยู่ข้างนอก เอาเข้าปากแล้วแตกเปร๊าะ สนุกดีค่ะ และเมนู Chicken Tikka Masala อารมณ์คล้ายๆมัสมั่นกินคู่กับแป้งนาน อร่อยมากค่ะ กินง่าย รสเครื่องเทศไม่หนักเกินไป ควรไปลองดูซักครั้งค่ะ
กินตามหนังเรื่อง Eat Pray Love
แนะนำโดย Eat Lek Lek
หนังจบแต่อารมณ์ไม่จบจริงๆ เมื่อภาพยนตร์ที่แสนสนุกอย่าง Eat Pray Love ที่ได้รับชมกันจนฟิน ลองตามกันมาดูว่ากินตามหนังในครั้งนี้จะมีเมนูอะไรน่ารับประทานกันบ้าง
เมืองเนเปิลส์หรือนาโปลี ประเทศอิตาลี
เล็กว่าหัวใจหลักๆของการทำพิซซ่าน่าจะอยู่ที่วิธีการทำแบบพิถีพิถัน ตั้งแต่การนวดแป้งด้วยมือแบบบรรจงจนแป้งเนียน และนำไปอบในเตาถ่าน พออบออกมาแล้วมันสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ตัวแป้งบาง กรอบนอกนุ่มใน รสชาติตัวแป้งมีความกลมกล่อมในตัว ทอปปิ้งใช้วัตถุดิบเบสิค เช่นซอสมะเขือเทศ ชีสมอสเซอเลร่า ใบโหระพา น้ำมันมะกอก เน้นรสชาติของวัตถุดิบ ถ้าชีสดีแป้งดี คือแค่นี้ก็อร่อยมากแล้วค่ะ ไม่ต้องใส่ซอสมะเขือเทศเพิ่มเลย
เมื่อนึกถึงอาหารอิตาเลียน นอกจากพิซซ่าแล้วก็คงหนีไม่พ้นเมนูพาสต้า ที่มีให้เลือกหลากหลายเส้นมาก แต่ละชนิดจะถูกนำไปปรุงกับซอสที่ต่างกัน เช่นสปาเกตตี้กับซอสมะเขือเทศ หรือถ้าคนชอบแนวซอสครีมๆแนะนำสปาเก็ตตี้ซอสคาโบนาร่า แต่ถ้าชอบซีฟู้ดก็ต้องมาคู่กับซอสไวน์ขาว ถ้าเน้นแบบอบ ชีสจัดเต็มก็ลาซาญญ่าอบชีสเนื้อหรือหมู อร่อยไม่แพ้กัน
ถ้าอยากกินอาหารอิตาเลียนรสชาติแท้ๆในกรุงเทพ ขอแนะนำร้าน limoncello เลยค่ะ สาขาสุขุมวิท 11 พิซซ่าที่นี่เด็ดมากเป็นแบบแป้งบางกรอบ แนะนำหน้า Four cheese มีชีสหลายแบบ แต่ละตัวมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ พอกินรวมกันได้ทั้งเนื้อสัมผัสแบบหนึบๆ และแบบนิ่มๆ อร่อยแปลกใหม่ดีค่ะ จริงๆหน้าพาร์ม่าแฮมของที่นี่ก็อร่อยมากเช่นกัน กินคู่กับผักร็อกเกต หอมๆ มันๆ เข้ากันดีมาก และอีกเมนูที่ไม่ควรพลาดคือพาร์ม่าใส่เมล่อน เมล่อนหวานหอม อร่อยลงตัวมากค่ะ
The New World เปิดพิภพนักรบจอมคน
รีวิวหนัง : The New World เปิดพิภพนักรบจอมคน The
10 หนังดี มีความลับ ที่ผู้กำกับไม่ได้บอก (แต่เราจะเฉลย!!)
เมื่อความสนุกของผู้กำกับซ่อน 10 ฉากแห่งความลับเอาไว้ในหนังอย่างแนบเนียน เคยสังเกตกันบ้างไหมว่าฉากหนังแต่ละเรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่ ความสนุกและน่าติดตามในหนังแต่ละเรื่องต่อไปนี้จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อคุณรู้ว่าในแต่ละฉากนั้นมีมากกว่าภาพที่เราเห็น และนี่คือตัวอย่าง 10